ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ วูคิช แห่งเซอร์เบีย และอัฟดุลเลาะห์ โฮตี นายกรัฐมนตรีแห่งโคโซโว ร่วมพิธีลงนามความตกลงครั้งประวัติศาสตร์ เพื่อฟื้นฟูความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศให้กลับสู่ภาวะปกติ และปลดล็อกความขัดแย้งที่มีมายาวนานกว่าทศวรรษ นับตั้งแต่สงครามโคโซโว ภายหลังการประชุมนาน 2 วัน โดยมีรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นตัวกลาง
พิธีลงนามจัดขึ้นเมื่อวานนี้ (4 สิงหาคม) ณ ห้องทำงานรูปไข่ ในทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ร่วมลงนามเป็นสักขีพยาน ซึ่งทรัมป์ ประกาศยกย่องความตกลงดังกล่าวว่าเป็นพันธสัญญาครั้งประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง หลังจากที่ทั้งสองประเทศใช้เวลานานหลายปีเพื่อพยายามเดินหน้ากระบวนการสันติภาพก่อนจะมาถึงจุดนี้
สำหรับประเด็นการพูดคุยความตกลงที่เกิดขึ้น ผู้นำเซอร์เบียและโคโซโว เห็นพ้องความร่วมมือในการสร้างงาน และผลักดันให้เกิดความเชื่อมโยงทางด้านคมนาคม ทั้งทางอากาศและทางรถไฟ ระหว่างกรุงเบลเกรด ของเซอร์เบีย และกรุงพริสตีนา เมืองหลวงของโคโซโว
ทางด้านริชาร์ด เกรเนลล์ หัวหน้าทูตพิเศษสหรัฐฯ ผู้มีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวกลางเจรจาความตกลงดังกล่าว เปิดเผยว่าการเจรจาเกือบสะดุดลง หลังจากที่การประชุมร่วมระหว่างสองประเทศ ที่ทำเนียบขาวเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ถูกยกเลิกเนื่องจากประธานาธิบดีฮาชิม ทาซี แห่งโคโซโว ถูกศาลพิเศษในกรุงเฮก ตั้งข้อหาก่ออาชญากรรมสงครามในช่วงสงครามโคโซโว เมื่อปลายทศวรรษที่ 90
ขณะที่วิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ยังทำให้การประชุมระหว่างสองประเทศนั้นยากยิ่งขึ้น เนื่องจากข้อจำกัดด้านการเดินทาง
“นี่เป็นโอกาสแท้จริงสำหรับสองฝ่ายที่จะพูดคุยกัน เราไม่มีแผนการที่ยิ่งใหญ่ เราไม่มีข้อเรียกร้องเด็ดขาดใดๆ สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายทำ คือการเห็นพ้องในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ก้าวไปข้างหน้า และสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์ลงนามในฐานะสักขีพยาน คือการบอกว่านี่คือข้อตกลงอันยิ่งใหญ่ และสหรัฐฯ มีความสุขกับมัน” เกรเนลล์ กล่าว
ทั้งนี้ นอกเหนือจากพิธีลงนามดังกล่าว รัฐบาลเซอร์เบียและโคโซโว ยังประกาศขยายความสัมพันธ์กับอิสราเอล และแสดงการยอมรับต่อสถานะเมืองหลวงของนครเยรูซาเลม
โดยเซอร์เบียประกาศจะย้ายสถานทูตจากกรุงเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเลม ในช่วงเดือนกรกฎาคมปีหน้า ขณะที่โคโซโวประกาศเดินหน้าจัดตั้งความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอล และเตรียมเปิดสำนักงานการทูตแห่งแรกในนครเยรูซาเลมด้วย
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2020/09/04/politics/serbia-kosovo-agreement/index.html?utm_source=fbCNNi&utm_content=2020-09-04T21%3A30%3A05&utm_term=link&utm_medium=social&fbclid=IwAR09oSZkUQ0dxgL3h_F22PV4mVw4Vq04eLVSZ5X2h1uDF5zc-gZnwBgh_14
- https://www.haaretz.com/israel-news/serbia-to-move-embassy-to-jerusalem-normalize-relations-with-israel-trump-says-1.9129600