ดร.เอกนิติ เผย ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) จ่อคุยพาณิชย์สัปดาห์หน้า ชี้เลิก ‘รางวัลนำจับ’ ช่วยทลายอุปสรรคการค้า จ่อชง 3 แพ็กเกจช่วยผู้ประกอบการรายย่อยไทย เข้า ครม. 25 พ.ย.นี้
วันนี้ (14 พฤศจิกายน) ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยต้องการ ‘แยกประเด็นการเมือง’ ออกจาก ‘การเจรจาการค้า’ เพื่อให้ความร่วมมือเดินหน้าต่อเนื่อง พร้อมระบุว่า ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เตรียมนัดหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เร็วสุดในช่วงต้นสัปดาห์หน้า
โดยการเจรจาครั้งที่จะถึงนี้ ดร.เอกนิติเผยว่า จะเป็นการมุ่งเน้นหารือเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือทางการค้า เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
ศุลกากร เลิกรางวัลนำจับ คลายกังวลภาคธุรกิจ
ดร.เอกนิติ เผยว่า เพื่อกำจัดอุปสรรคการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs) ทางอธิบดีกรมศุลกากรได้ใช้อำนาจอธิบดี ในการประกาศยกเลิก ‘รางวัลนำจับ’ หรือรางวัลจากการจับกุมการละเมิดทางศุลกากร ตามที่สหรัฐฯ และผู้ประกอบการต่างๆ ร้องขอมานาน
โดยจะเป็นการออกระเบียบ ยกเลิกรางวัลนำจับให้กับผู้บริหารกรมศุลกากรตั้งแต่ระดับ C8 ขึ้นไป เพื่อขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest) ในการใช้อำนาจจับกุม อนุมัติ หรือพิจารณาอุทธรณ์ โดยจะมีการเสนอให้ ดร.เอกนิติ เป็นผู้อนุมัติภายในเดือนพฤศจิกายนนี้
อย่างไรก็ตาม การยกเลิกกฎหมายรางวัลนำจับอย่างถาวรนั้น จำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายซึ่งไม่สามารถทำได้ทันในระยะเวลา 4 เดือน ทั้งนี้ การจ่ายเงินรางวัลนำจับให้กับเจ้าหน้าที่ศุลกากร เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ร.บ. ศุลกากร 2469 และมีการปรับปรุงแก้ไขในปี 2560 โดยปรับลดอัตรานำจับลงจาก 30% เหลือ 20%
ดร.เอกนิติระบุว่า นับเป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งสามารถเห็นผลได้ทันที
ชง 3 แพ็กเกจช่วยผู้ประกอบการไทย เข้าครม. 25 พ.ย.นี้
นอกจากนี้ ดร.เอกนิติ ยังเผยแผนการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ไทย ภายใต้เสาที่ 4 ของนโยบาย ‘Quick Big Win’ และจะถูกเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งประกอบด้วย 3 แพ็กเกจหลัก ดังนี้
แพ็กเกจการเงิน: จะเป็นการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ง่าย ซึ่งปัจจุบัน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังพิจารณาตั้งกองทุนค้ำประกันสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการรายย่อย โดยดึงเงินที่เหลือจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) เข้ามาดำเนินการ ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะเป็นกลไกเสริม (Top Up) และทำคู่ขนานไปกับ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
แพ็กเกจภาษี: แบ่งออกเป็น การเร่งคืนภาษีให้กับผู้ประกอบการในส่วนของกรมสรรพากร และสร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกอบการไทย ผ่านการยกเลิกการยกเว้นภาษี ‘De minimis’ สำหรับภาษีศุลกากร โดยกรมศุลกากรจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากแพลตฟอร์มออนไลน์ ตั้งแต่ 1 บาทแรก จากเดิมที่ยกเว้นให้สินค้านำเข้าที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาท ซึ่งได้มีการหารือกับ 3 แพลตฟอร์มออนไลน์แล้ว และจะร่วมทำ MOU ในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน
แพ็กเกจสนับสนุนการซื้อสินค้าไทย: เป็นแพ็กเกจที่ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสภาหอการค้า ซึ่งจะเป็นการจัดทำระบบดิจิทัล ให้สมาคมธนาคารเห็นรายการสั่งซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการ ซึ่งจะเอื้อต่อการปล่อยสินเชื่อ


