วานนี้ (27 กรกฎาคม) ประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 1 ใน 13 คนที่ลงมติสนับสนุนให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบการแสดงบัญชีทรัพย์สินว่า เมื่อเราโหวตไม่ตรงกับคนส่วนใหญ่ก็ถูกแกล้ง
สิ่งที่เกิดขึ้น รู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างมาก ทำไมเลือกส่งเรื่องเฉพาะ ส.ว. 6 คนตามที่เป็นข่าว และคิดว่าทำไมมีการปล่อยโอกาสให้คนที่ไปร้องเรียนมากไป ทำไมมีแต่พวกหน้าเดิมๆ ไปร้องเรียนแบบนี้ และร้องได้เรื่อยๆ
ประภาศรีกล่าวต่อว่า ประชาชนเองเริ่มเบื่อคนที่ร้องเรียนแบบนี้ ซึ่งคิดว่าหากร้องเรียนไปแล้วต่อมาพบว่าไม่ได้ทำอะไรผิดก็ควรฟ้องกลับได้บ้าง และควรมีระเบียบว่าการร้องเรียนคนที่ร้องเรียนร้องให้ตรวจสอบได้กี่คน ร้องได้กี่ครั้ง ไม่ใช่ร้องไปได้เรื่อยๆ ตามที่เขาต้องการ
ประภาศรีกล่าวยืนยันว่า ประเด็นที่ร้องตนเอง มั่นใจว่าชี้แจงได้หมด เพราะเป็นคนที่ทำอะไรถูกต้อง ตอนยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อ ป.ป.ช. มีการให้นักกฎหมาย นักบัญชีมาพิจารณาให้ก่อนจะส่งเรื่อง
ทั้งนี้คนที่ไปร้องก็ทำให้ตนเสียชื่อเสียง แต่ตนไม่อยากไปมีปัญหากับเขา แต่การที่โดนแบบนี้ก็ทำให้เครียดเหมือนกัน ถึงแม้ตนไม่ผิด แต่ตนก็เสียชื่อเสียง แล้วแบบนี้จะมีการชดเชยอะไรให้ตนได้
“อยากถามว่าคนที่ไปร้องจะมารับผิดชอบอะไรให้หรือไม่ แต่ยืนยันได้ว่าสามารถชี้แจงได้ถูกต้อง มั่นใจเราไม่ผิด ตอนนี้ก็กำลังดูอยู่ว่าจะทำอย่างไร เพราะเขาทำให้เราเสียชื่อเสียง เพราะไม่อย่างนั้นก็จะไปทำกับอีกหลายคน” ประภาศรีกล่าว