วันนี้ (18 กันยายน) ศุภชัย สมเจริญ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณารายงานผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนจริยธรรมสมาชิกวุฒิสภา ของคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา (กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภา) ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ. 2563 ข้อ 42 โดยมี พล.อ. สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา รายงานผลการพิจารณาของคณะกรรมการต่อที่ประชุม
พล.อ. สิงห์ศึก กล่าวว่า มีบุคคลยื่นหนังสือขอให้ดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยพฤติกรรมของกิตติศักดิ์ จากกรณีปัญหาความขัดแย้งที่วัดบางคลาน อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ซึ่งกิตติศักดิ์ถูกร้องเรียนว่าทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ไม่ยอมให้เจ้าอาวาสวัดบางคลานที่ถูกแต่งตั้งอย่างถูกต้องเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ พบพฤติกรรมที่ขัดต่อข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมฯ โดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้มีการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนเบื้องต้นแล้ว และส่งเรื่องร้องเรียนมายังคณะกรรมการฯ
คณะกรรมการฯ ได้มีมติในการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลและข้อเท็จจริงว่ามีมูลที่จะรับเรื่องร้องเรียนไว้พิจารณาหรือไม่
เมื่อคณะกรรมการฯ ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนแล้ว เห็นว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าวมีมูลเพียงพอที่จะรับเรื่องไว้พิจารณา จึงมีมติให้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้พิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่ได้รับเรื่องจากวุฒิสภา แต่เรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริงและเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก คณะกรรมการฯ จึงขอขยายเวลาพิจารณาจำนวน 2 ครั้ง มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวทั้งสิ้น 13 ครั้ง ก่อนที่เสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณาลงมติ ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาลงคะแนนเป็นการลับ
ท้ายที่สุดหลังการลงคะแนนเสียงแบบลับ ที่ประชุมวุฒิสภามีมติเห็นชอบกับความเห็นของคณะกรรมการฯ 93 คะแนน ไม่เห็นชอบด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการฯ 33 คะแนน และไม่ออกเสียง 37 คะแนน
จึงถือว่า กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ มิได้กระทำการในลักษณะก่อให้เกิดความเคลือบแคลงหรือสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ หรือให้ความเห็นในลักษณะการใส่ร้ายหรือเสียดสีบุคคลอื่น หรือนำเรื่องที่เป็นเท็จมาอภิปรายหรือแสดงความคิดเห็นในการประชุม ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมฯ ข้อที่ 31 และ 36 วรรคหนึ่ง
ด้วยคะแนนเสียงที่เห็นชอบด้วยกับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ คือ ไม่ถึง 124 คะแนน ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมฯ ข้อ 43 วรรคสาม
ทั้งนี้ รายงานคณะกรรมการฯ เสียงข้างมากเห็นว่า กรณีตามเรื่องร้องเรียนดังกล่าว มีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมฯ เป็นการกระทำอันอาจทำให้บุคคลอื่นเกิดความเคลือบแคลงหรือสงสัยในการปฏิบัติหน้าที่ หรือให้ความเห็นในลักษณะการใส่ร้ายบุคคลอื่น หรือนำเอาเรื่องที่เป็นเท็จมาอภิปรายหรือแสดงความเห็นในการประชุม ตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมฯ ข้อ 31 และข้อ 36 (1) และให้วุฒิสภามีมติ ‘ว่ากล่าวตักเตือน’
อย่างไรก็ตาม ผลการพิจารณาดังกล่าวจะแจ้งไปยังผู้ร้องและผู้ถูกร้องทราบตามระเบียบว่าด้วยการยื่นเรื่องร้องเรียนและวิธีพิจารณาของคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภาต่อไป