วันนี้ (3 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ (2 กันยายน) ที่ประชุมวุฒิสภามีการลงมติเห็นชอบกับการแก้ไขข้อบังคับการประชุม และกำหนดให้มีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำวุฒิสภา 21 คณะ จากเดิมที่มี 26 คณะ
นันทนากล่าวว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสนอยกร่างแก้ไขข้อบังคับการประชุมทั้งหมด 5 ร่าง แต่ 4 ร่างที่เป็นของสมาชิกเสียงข้างน้อยกลับถูกตีตกทั้งหมด เหลือร่างของเสียงข้างมากเพียงร่างเดียว ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีการตกลงกันแล้วว่าจะรับทั้ง 5 ร่าง และแม้จะมีการเปิดให้แปรญัตติในระยะเวลา 30 วัน แต่ร่างดังกล่าวไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาใดๆ แม้แต่คำเดียว
“เราจึงมีความรู้สึกว่าเสียงของวุฒิสมาชิกข้างน้อยไม่มีความสำคัญ ไม่มีความเคารพ การทำงานในสภาเราไม่สามารถผลักดันอะไรได้เลย” นันทนากล่าว
นันทนากล่าวต่อไปว่า เสียงข้างน้อยทำงานยากลำบากมาตั้งแต่ต้น เพราะมีจำนวนน้อยเกินกว่าจะไปชนะในมติใดๆ ได้ และมองว่า สว. ซึ่งมีที่มาจากอาชีพที่หลากหลาย ควรให้กลุ่มอาชีพได้แสดงความรู้ความสามารถในการผลักดันวาระ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นความหลากหลายตรงนี้ จึงถือเป็นเรื่องยากที่จะผลักดันวาระต่อไป ไม่ต้องพูดถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะมีประธานคณะกรรมาธิการจากกลุ่ม สว. สีน้ำเงิน ครบทั้ง 21 คณะ นันทนากล่าวว่า ต้องถามประชาชนว่าเห็นชอบหรือไม่ เสียงข้างมากไม่ได้แปลว่าต้องกินรวบทั้งหมด หรือต้องเป็นประธานคณะกรรมาธิการทุกคณะ แต่ผู้มาดำรงตำแหน่งประธานควรมีความรู้ความสามารถตรงกับหน้าที่ ไม่ใช่เข้ามาเพื่อรับผลประโยชน์ มีห้องทำงานหรือขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ได้ เพราะประชาชนจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
ด้าน นรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. กล่าวว่า สภาวะตอนนี้ใกล้เคียงกับคำว่าเผด็จการรัฐสภาเข้าไปทุกที เพราะการที่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเข้ามายึดอำนาจเบ็ดเสร็จในสภา และไม่ได้ทำตามข้อตกลงที่มีกันไว้ก่อนหน้านี้ในวิปชั่วคราว รวมถึงกรรมาธิการต่างๆ ที่ตกลงกันว่าจะเสนอชื่อตามสัดส่วน แต่สุดท้ายก็ใช้เสียงข้างมากโหวตกันไป ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปอีก 5 ปี การทำงานต่างๆ เพื่อประชาชนจะค่อนข้างลำบาก
“เราไม่ได้ท้อถอย แต่เสียดายว่าเราได้เข้ามาตำแหน่งนี้ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ที่จะผลักดัน เป็นปากเสียงหลายเรื่องๆ ให้ประชาชน แต่กลับถูกปิดกั้นโดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็อาจจะต้องขออนุญาตมาฟ้องบ่อยๆ” นรเศรษฐ์กล่าว
ขณะที่ พรชัย วิทยเลิศพันธุ์ สว. ระบุว่า ตอนนี้เราเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว ตามสัดส่วน สว. เสียงข้างน้อยมี 1 ใน 3 ของวุฒิสภา ควรจะได้ประธานคณะกรรมาธิการ 6-7 คณะ ก็ต้องดูว่าฝั่งนั้นมีกลยุทธ์อย่างไรที่จะยอมหรือไม่ยอมให้เราเข้าไปเป็นประธาน ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ พรชัยยังเผยด้วยว่า ช่วงปลายปีนี้จะมีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คนที่จะหมดวาระ และวุฒิสภาจะตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาคุณสมบัติของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคนใหม่ ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประวัติศาสตร์จะไม่เหมือนเดิม และจะเปิดโอกาสให้เสียงข้างน้อยได้มีส่วนร่วมในกรรมาธิการ
