วันนี้ (8 กรกฎาคม) ที่ประชุมกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน มีมติส่งร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. …. เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาและนำไปสู่ขั้นตอนกระบวนการออกกฎหมายต่อไป
พรรณิการ์ วานิช ที่ปรึกษา กมธ.กฎหมายฯ และอดีตรองประธาน กมธ.กฎหมายฯ กล่าวว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่ภาคประชาชนยื่นมาและถูกปรับปรุงโดย กมธ.กฎหมายฯ นับว่ามีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก เพราะสามารถคุ้มครองประชาชน และจะกำหนดให้คดีไม่มีอายุความ สามารถสืบหาจนกว่าจะได้มาซึ่งความยุติธรรม และจะใช้ระบบไต่สวนที่จะทำให้ศาลเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเรียกหาเอกสารหลักฐานได้เอง อีกทั้งยังกำหนดให้คณะกรรมการซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนสามารถทำหน้าที่เรียกให้หน่วยงานภาครัฐปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้อย่างเคร่งครัด โดยคณะกรรมการจะมาจากตัวแทนภาคประชาชน 6 คน มาจากข้าราชการ 5 คน จะทำให้คณะกรรมการนี้มีเสียงของภาคประชาชนมากกว่าข้าราชการ ส่งผลให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีความเป็นมนุษย์และสามารถเข้าใจได้อย่างแท้จริง
อังคณา นีละไพจิตร ที่ปรึกษา กมธ.กฎหมายฯ และผู้ได้รับความเสียหายจากการอุ้มหายและซ้อมทรมาน กล่าวว่าเนื่องจากร่าง พ.ร.บ. มีหลายร่าง อยากจะเน้นย้ำว่าร่างที่ปรับปรุงโดย กมธ.กฎหมายฯ มีการพิจารณาโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนและสอดคล้องกับอนุสัญญาต่อต้านการซ้อมทรมานฯ และหลักการสิทธิมนุษยชน ซึ่งครอบคลุมในทุกบริบท ทั้งการป้องกัน ปราบปราม และเยียวยา จึงมีความครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุด
ด้าน รังสิมันต์ โรม โฆษก กมธ.กฎหมายฯ และ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่าตลอดเวลาที่ทำงานมามีการสนับสนุนและพร้อมใจกันของกรรมาธิการที่อยากให้ร่างกฎหมายป้องกันการซ้อมทรมานผ่านสภา หลังจากเปิดสภามาก็ทำงานกันอย่างแข็งขัน ขอชื่นชมอนุกรรมาธิการและ กมธ.กฎหมายฯ นี่คือความภาคภูมิใจของการทำงานกรรมาธิการ เป็นผลงานและความตั้งใจที่เกิดขึ้น เป็นความสำเร็จของกรรมาธิการทั้งคณะ
ทั้งนี้ร่างที่จะส่งเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณามีอยู่ด้วยกัน 4 ฉบับคือ ร่างของกระทรวงยุติธรรม ร่างของพรรคประชาชาติ ร่างของพรรคประชาธิปัตย์ และร่าง พ.ร.บ. ที่ปรับปรุงโดย กมธ.กฎหมายฯ อนึ่ง เมื่อมีผู้เสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาแล้วจะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 2 คือการพิจารณากฎหมาย โดยทั่วไปการพิจารณาร่างกฎหมายของสภาแบ่งเป็น 3 วาระด้วยกัน ได้แก่
วาระที่ 1 เรียกว่า ‘ขั้นรับหลักการ’ เป็นการพิจารณาหลักการของร่างกฎหมาย โดยผู้เสนอร่างกฎหมายจะมาชี้แจงหลักการและเหตุผลประกอบความจำเป็นที่ต้องออกกฎหมาย
วาระที่ 2 เรียกว่า ‘ขั้นกรรมาธิการ’ เป็นการพิจารณาร่างกฎหมายเป็นรายมาตรา อาจเพิ่ม ตัดทอน หรือแก้ไขบางมาตราหรือบางถ้อยคำให้สมบูรณ์ขึ้น แต่ต้องไม่ขัดแย้งกับหลักการของร่างกฎหมายฉบับนั้น
วาระที่ 3 เรียกว่า ‘ขั้นลงมติเห็นชอบ’ เป็นการลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายทั้งฉบับ ไม่มีการอภิปรายใดๆ และจะแก้ไขข้อความใดๆ ไม่ได้ ถ้ามีมติเห็นชอบก็จะนำไปสู่การพิจารณาของวุฒิสภา แต่ถ้าไม่เห็นชอบ ร่างนั้นก็เป็นอันตกไป
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์