วันนี้ (11 ตุลาคม) พิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ วุฒิสภา (สว.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิป สว.) กล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ในวันที่ 14-15 ตุลาคม เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ.. ซึ่งมีทั้งหมด 3 ฉบับว่า ส่วนตัวได้อ่านหมดแล้ว ดังนั้นในการพิจารณารับหลักการวาระที่ 1 ก็คงจะรับทุกร่าง เพราะแต่ละร่างก็มีทั้งข้อดีข้อเสียต้องนำมาพูดคุยกัน
ส่วน สว. คนอื่นจะรับหลักการวาระ 1 ทั้ง 3 ร่างหรือไม่ พิสิษฐ์กล่าวว่า ต้องใช้เสียงสว. แค่ 1 ใน 3 ประมาณ 67 เสียง ซึ่งไม่เยอะ ส่วนตัวจึงคิดว่าน่าจะผ่านวาระที่ 1 ทั้ง 3 ร่าง
ทั้งนี้ ในส่วนของร่างจากพรรคประชาชน ตนติดใจเรื่องแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 เพราะส่วนตัวไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว และอีกประเด็น คือ การเลือกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่าห้ามเลือกโดยตรงจากประชาชน ส่วนประเด็นอื่นที่ดีก็อาจจะต้องเอามาใช้ โดยจะมาพิจารณาอีกทีว่าจะใช้อันไหนบ้าง
ส่วนรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในส่วนของ สว. ที่ยังมีปัญหาอยู่นั้น พิสิษฐ์กล่าวว่า รายชื่อทั้งหมดเราเริ่มต้นจากให้คณะกรรมาธิการสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กำหนดให้ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมือง ได้โควตาไปก่อน 1 รายชื่อ ในทั้งหมด 12 รายชื่อ ส่วน 11 รายชื่อที่เหลือจะพิจารณาจาก 20 กมธ. สามัญประจำวุฒิสภา ซึ่ง วุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ในฐานะเลขานุการวิปวุฒิสภา เป็นผู้จับฉลากเอง
แต่ กมธ. การกฎหมาย และการยุติธรรม วุฒิสภา ที่เป็นปัญหา ไม่ได้เข้าประชุมและไม่พอใจว่าทำไมให้ชื่อ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ทำให้มีการทะเลาะกันในที่ประชุม โดยจะส่งเรื่องไปยัง มงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในวันที่ 13 ตุลาคมนี้ เพื่อคืนโควต้าไปดำเนินการใหม่
พิสิษฐ์กล่าวอีกว่า คงต้องจับฉลากใหม่ เนื่องจากในครั้งนั้น มี กมธ.ที่ไม่ได้เข้าร่วมทั้งหมด 9 คณะ ส่วนที่ นพ.เปรมศักดิ์ จะนำเรื่องนี้ไปพูดในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ก็คงห้ามไม่ได้ เพราะอยู่ที่มติของ กมธ. การกฎหมายฯ ซึ่งต้องยึดตามนั้น
ด้าน อลงกต วรกี สว. กล่าว ถึงการผ่านร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่าง ว่า ไม่มีความเห็น เพราะเหมือนมีตุ๊กตาของคนนั้นคนนี้ มีแต่ร่าง แต่รัฐธรรมนูญตัวจริงยังไม่ออกมา ซึ่งก็เหมือนกับมีคนมาถามว่า ข้าวผัดปูอร่อยหรือไม่ ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าวันที่ประชุมจะมีข้าวผัดปูหรือไม่
อลงกตกล่าวอีกว่า ร่างทั้ง 3 ร่าง ก็ไม่ใช่เรื่องจริงที่ออกโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพราะหากดูตามไทม์ไลน์ ต้องหา สสร. ที่มาจากประชาชนแล้ว สสร. จะเอา 3 ร่างนี้หรือไม่ก็ไม่รู้ ในเมื่อไม่รู้แล้วตนจะมีความเห็นได้อย่างไร ยืนยันว่าไม่ได้มีแนวโน้มจะไม่รับทั้ง 3 ร่าง แต่การพิจารณาครั้งนี้คือขั้นรับหลักการ ถ้า สว.ไม่รับจะเกิดอะไรขึ้น สังคมจะประณามหรือไม่
พรรคการเมืองหลายพรรคตอนหาเสียงบอกว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ และต้องใช้เสียงสว. สนับสนุน แต่ปัญหาเกิดขึ้นมาในเมื่อตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยชัดเจนว่าต้องทำประชามติ ดังนั้น กระบวนการเห็นชอบในหลักการน่าจะไม่ใช่ปัญหา แต่ไม่ได้เห็นชอบในเนื้อหาเพราะยังไม่เห็นรายละเอียด และเป็น 3 ร่างที่ สสร. จะเอามาใช่หรือไม่ยังไม่รู้เลย
“สรุปน่าจะรับหลักการให้แก้ไข เพื่อให้เข้าไปสู่กระบวนการในวาระสอง และให้การแก้ไขรัฐธรรมนููญเดินหน้าไปได้ ส่วนร่างเป็นอย่างไร ไม่ได้อยู่ที่สาระ แต่อยู่ที่ สสร. ซึ่ง สสร. อาจจะดึง 1 ใน 3 ร่าง หรือ 2 ใน 3 ร่าง หรือจะร่างขึ้นมาใหม่ แล้วแต่ สสร. เพราะ สสร. ไม่ได้เป็นคนเสนอ 3 ร่างนี้ ผมจึงเชื่อว่าน่าจะมีร่างที่ 4 ดังนั้น ถ้าไม่รับหลักการ คนก็จะกล่าวหาว่า สว. ขวางลำอีกแล้ว” อลงกตกล่าว
อลงกตกล่าวต่อว่า ตนจะอภิปรายว่ารัฐธรรมนูญควรมีธงไปทางไหน โดยจะตั้งคำถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแก้ปัญหายาเสพติดได้หรือไม่ สามารถแก้ปัญหาคนที่เป็นหนี้เป็นสินได้หรือไม่ รัฐธรรมนูญช่วยอะไรได้บ้าง สว. มีการฮั้วรัฐธรรมนูญ แก้ปัญหาเรื่องฮั้วได้หรือไม่ เช่น มี สส. บางคนถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าห้ามเล่นการเมือง แต่ก็ยังเห็นอดีต สส. บางคนเข้าไปอยู่ในกรรมาธิการ แล้วรัฐธรรมนูญดูแลอะไรบ้าง รัฐธรรมนูญทำให้คนมีความรู้สึกว่ามีหน้าที่มากขึ้นหรือไม่ ไม่ใช่มีแต่คำว่าสิทธิเสรีภาพ ให้คนในประเทศมีคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจ สังคม ดีขึ้นหรือไม่
“ผมจะมองทุกมุม และจะพูดเรื่องพวกนี้มากกว่าที่จะไปบอกว่าร่าง 1 ร่าง 2 ร่าง 3 เป็นอย่างไร และจะถามว่ากฎหมายรัฐธรรมนูญที่จะออกมาตอบโจทย์ เศรษฐกิจสังคม การเมืองไทย หรือไม่ ถ้าไม่ตอบโจทย์แล้วจะมีประโยชน์อะไร ดังนั้นก็จะรับหลักการไปก่อน เพราะจะเข้าไปสู่โหมดของการตั้ง สสร. เพื่อให้การเมืองเดินหน้าได้ ทั้งนี้ ผมไม่ได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นการจับฉลากกัน” อลงกตกล่าว