วันนี้ (8 สิงหาคม) สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) กล่าวถึงการตัดสินใจเลือกนายกรัฐมนตรีว่า ตนย้ำมาโดยตลอดว่า เมื่อตนไม่สนับสนุนก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรี เนื่องจากพฤติกรรมของพรรคฯ ที่หากเป็นรัฐบาลแล้ว จะสร้างความเสียหายให้ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หรือพรรคร่วมรัฐบาล จากการสนับสนุนให้เยาวชนไม่ปฏิบัติตามกฎกติกา จาบจ้วงสถาบันฯ ทำประเทศชาติแตกแยก และเปลี่ยนใจไม่สนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะเนื่องจากตอนแรกจะยอมเลือกพรรคเพื่อไทยแม้ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด
แต่ทันทีที่พรรคเพื่อไทยได้เสียงสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทยได้ประกาศ พร้อมมีมติคณะรัฐมนตรี เพื่อจัดการออกเสียงประชามติยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรก จึงกังวลว่าจะเป็นการสร้างวิกฤตความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในชาติอีกครั้ง และอาจมีภารกิจซ่อนเร้น ที่เมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว อาจมีการพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญต่อ ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่เกี่ยวข้องกับการไม่นับอายุความคดีการทุจริต ในกรณีที่จำเลยหลบหนีคดี ซึ่งอาจทำให้ 2 อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับประเทศไทยได้ทันที
พล.อ. สมเจตน์ยังยืนยันด้วยว่า แม้ตนเองจะไม่เลือกทั้งพรรคเพื่อไทย ไม่เลือกทั้งพรรคก้าวไกล พรรคการเมืองอื่นๆ ตนเองก็จะไม่เลือกเช่นเดียวกัน โดยจะลงมติงดออกเสียง ไม่ว่าสิทธิการนำจัดตั้งรัฐบาลจะอยู่ที่พรรคการเมืองใด เพราะประชาชนได้ให้ตัวเลือกตนในการเลือกนายกรัฐมนตรีเพียงพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่หากพรรคเพื่อไทยต้องการคะแนนเสียงจากตนก็จะต้องประกาศไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัญหาปากท้องหลักของประชาชน ไม่ใช่รัฐธรรมนูญ 2560 ที่เป็นปัญหาอุปสรรคของนายทุนเจ้าของพรรคเพื่อไทย