วานนี้ (13 มีนาคม) สิระ เจนจาคะ ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจทุ่งสองห้อง เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรืออาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และได้พบกับ รศ.ดร.วีรชัย ซึ่งเดินทางมาเป็นพยานในคดีหน้ากากอนามัย สิระได้เข้าไปท้วงติงเรื่องการทำหน้าที่เป็นนักวิชาการ พร้อมถามว่าเหตุของการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่หวังผลทางการเมืองหรือไม่
เช้าวันนี้ (14 มีนาคม) รศ.ดร.วีรชัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ตรวจหน้ากากเจ้าปัญหาที่อาจารย์อ๊อดมอบให้ตำรวจเมื่อวานมีเยอะครับ ยกตัวอย่าง ภาพนี้เป็นการส่องด้วย Scanning Electron Microscope (SEM) หรือกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราดของพลาสติกชั้นกรองของหน้ากากดัง ซึ่งจะเห็นว่ารูกรองมีขนาด 100 ไมครอน ในขณะที่แบคทีเรียมีขนาดเพียง 3 ไมครอน และไวรัสก็เล็กกว่านั้น
“พูดง่ายๆ มันกรองเชื้อโรคไม่ได้ดี ผลการทดสอบต่างๆ ก็อธิบายในฐานะพยานและมอบให้ตำรวจ รวมถึงผลการตรวจสอบสารระเหยที่วิเคราะห์ด้วยเทคนิค GC-MS พบสารทั้งหมด 88 ตัว และอาจารย์อ๊อดก็ระบุในคำให้การว่าอย่างน้อย 3 ตัวใน 88 ตัวเป็นสารที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
“และต้องบอกว่าเฉพาะกับตัวอย่างหน้ากากที่ตรวจนี้เท่านั้นนะครับ ไม่ได้รวมถึงหน้ากากอื่น ต้องแยกเป็นเคสๆ ในประเด็นไมโครพลาสติกที่ได้จากหน้ากากนี้ก็จะมีสารระเหย 88 ตัวนี้ติดไปด้วย หากสูดดมเข้าไป เสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายต่างๆ ที่สำคัญหน้ากากนี้ดมดูก็กลิ่นฉุนตั้งแต่แรกแล้วครับ อาจารย์อ๊อดเป็นห่วง ก็เลยแนะนำให้ส่งคืน เพื่อจะได้ไปเอาเงินคืนกับคนที่มาหลอกขาย หากคิดว่าหน้ากากนี้ดีมาก อยากให้นักการเมืองชื่อดังเอาไปให้สมาชิกพรรคใช้กันให้ถ้วนหน้าครับ
“ขณะเดียวกัน รศ.ดร.วีรชัย ยังได้ระบุด้วยว่าคุณพาดพิงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อันเป็นที่รักยิ่งของผมและทุกคนที่นี่ คุณพลาดแล้ว ตอนนี้มีนักกฎหมายเสนอตัวมาช่วยอาจารย์อ๊อดเยอะมากครับ ต้องกราบขอบพระคุณ อาจารย์อ๊อดยินดีรับฟังคำชี้แนะ สามารถติดต่อได้ทางอินบ็อกซ์นะครับ
“อาจารย์อ๊อดได้มอบหมายให้ทนาย 1 ท่านร่างฟ้องแล้วครับ และจะใช้องค์ความรู้ในฐานะประธานหลักสูตรนิติวิทยาศาสตร์ดึงพยานหลักฐานและทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลากผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้ต้องสงสัยที่เป็นนายตำรวจที่รู้เห็นกับขบวนการนี้เข้ามารับโทษให้ครบทุกคนครับ ยื่นฟ้องเมื่อไรจะแจ้งให้สาธารณชนทราบครับ”
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์