Selena Gomez พูดถึงเส้นทางการรักษาสุขภาพจิตของตัวเองอีกครั้ง โดยครั้งนี้เธอเปิดใจถึงเมื่อครั้งที่สุขภาพจิตของเธอย่ำแย่จนเรียกได้ว่าถึงจุดที่ตกต่ำที่สุดในชีวิต และโมเมนต์เหล่านั้นก็ถูกบันทึกเอาไว้ในสารคดีเรื่อง My Mind & Me ของเธอด้วย
Selena Gomez ได้ไปร่วมงานอีเวนต์ SXSW ที่เท็กซัส และเผยถึงเบื้องหลังการตัดสินใจทำสารคดีเรื่อง My Mind & Me ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2022 โดยเธอเปลี่ยนใจอยู่หลายครั้งว่าจะปล่อยสารคดีเรื่องนี้ออกมาให้คนทั่วโลกได้เห็นหรือไม่ เนื่องจากมันเต็มไปด้วยช่วงเวลาที่เธอเปราะบางที่สุดช่วงหนึ่ง เธอเผยว่า “นาทีที่ฉันตัดสินใจปล่อยสารคดีออกมามันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่โล่งใจอย่างมหาศาล เพราะไม่มีอะไรที่จะต้องหลบซ่อนอีกต่อไปแล้ว และนั่นก็น่าจะเป็นหนึ่งในโมเมนต์ที่ยากที่สุดในชีวิตของฉันด้วย”
สารคดี My Mind & Me ใช้เวลาบันทึกและถ่ายทำกว่า 6 ปี โดยติดตามเส้นทางชีวิตของ Selena Gomez โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาสุขภาพจิตที่เธอต้องเผชิญกับโรควิตกกังวลและโรคซึมเศร้า นอกจากนั้นเธอยังได้รับวินิจฉัยว่าเป็นโรคไบโพลาร์ในปี 2020 อีกด้วย ซึ่งเมื่อพูดถึงกระบวนการรักษาสุขภาพจิต Selena Gomez ได้เผยว่า
“คุณไม่สามารถบังคับใครให้ไปรักษาได้ เพราะมันจะไม่มีทางได้ผล มีหลายคนที่แคร์ฉันมากกว่าที่ฉันแคร์ตัวเองและอยากให้ฉันทำในสิ่งที่ตัวเองยังไม่พร้อมที่จะทำ แต่ฉันจะต้องไปถึงจุดที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตจริงๆ ฉันถึงจะไปทำสิ่งเหล่านั้นในเวลาที่ใช่สำหรับฉันด้วย และฉันหวังว่าตอนนี้ฉันอยู่ในจุดที่ดีกว่าเดิมแล้ว”
สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับ Selena Gomez เมื่อย้อนกลับไปดูภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ คือการที่ต้องมองดูเธอเองที่ไม่เห็นคุณค่าในตัวเองเลยโดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ของเรื่อง “มันทำให้ฉันหงุดหงิดมาก แต่ฉันคิดว่าทุกคนก็เคยรู้สึกแบบนั้น และมันเป็นเรื่องสำคัญที่จะปลอบโยนตัวเองด้วยความเมตตา แต่ฉันว่าตอนนั้นฉันยังไม่เข้าใจมันเท่าไร ซึ่งมันก็ตลกดีเพราะทุกสิ่งที่ฉันพร่ำบ่นในตอนนั้นเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกขอบคุณในตอนนี้”
ภาพ: Hubert Vestil/SXSW Conference & Festivals via Getty Images
อ้างอิง: