วันนี้ (16 กุมภาพันธ์) คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ประชุมรับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา โดยมีหน่วยงานปกครองและหน่วยงานความมั่นคงร่วมประชุมด้วย ที่ว่าการอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
ในวงประชุมมีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดถึงการเปิด-ปิดด่านท่าข้าม พิชยา เจริญสันต์ นายด่านศุลกากรแม่สอด อธิบายว่าพื้นที่ท่าข้าม เราไม่ได้มีอำนาจในการเปิดและปิดท่า เพราะดูแค่เรื่องการค้าเพียงเท่านั้น ทำให้ รังสิมันต์ โรม สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการ กล่าวว่า เราต้องไปดูว่าอำนาจเหล่านี้เป็นของใคร และที่ท่าข้ามนี้เป็นแค่ชั่วคราว จะต้องไปดูระเบียบ หากจะเปิดแบบถาวร ต้องสร้างความมั่นใจว่าจะรองรับปัญหาได้
ขณะที่ ชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ชี้แจงว่า ส่วนไหนที่เป็นสุญญากาศก็จะกลับมาทบทวน เราไม่สามารถอนุมัติปิดได้ เพราะเรายึดตามหนังสือของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ต้องใช้ความเห็น 3 หน่วยงาน
ช่วงหนึ่ง สุรชัย วีระสมเกียรติ หรือเฮียกวง นายด่านเอกชน ยกมือลุกขึ้นขอระบายว่า ทุกปัญหามีอะไรก็มาลงที่แม่สอด เรื่องการประกอบการท่า อยู่ที่แม่สอดมา 10 กว่าปีแล้ว ตอนนี้ตนรู้สึกอึดอัดใจมาก แก๊งคอลเซ็นเตอร์มา ทุกอย่างก็มา แล้วทำไมไม่ปราบตั้งแต่แรก
“ทำไมปล่อยให้ฝีมันแตกแล้วเพิ่งมาเริ่ม มันไม่ใช่เพิ่งมาเดี๋ยวนี้ ชเวโก๊กโก่นี่มันมาตั้งแต่ปีไหนแล้ว ก่อนปี 2560 แล้วภาครัฐทำอะไรอยู่ รอให้ฝีมันแตกแล้วถึงทำ แล้วอะไรก็ลงที่แม่สอดหมด แม่สอดก็สมควรที่จะมีการปฏิรูปได้แล้ว ในเมื่อมันเป็นวิกฤต ก็ขอสร้างโอกาสให้แม่สอดหน่อย ไอ้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผมเชื่อว่าฝั่งโน้นเขาก็ปราบให้อยู่แล้ว แล้วทางเราจะรองรับไหวไหมที่จะส่งกลับมา”
รังสิมันต์จึงกล่าวว่า เราไม่ได้ตัดหัวเพื่อหาฝี เรากำลังเล็งไปที่เนื้อร้าย แต่คอลเซ็นเตอร์นี้มันใหญ่โตเกินไปแล้ว วันนี้ทุกคนต้องช่วยกัน