เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 4Q65 ของ บมจ.เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว (SECURE) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น SECURE ปรับเพิ่มขึ้น 18.38%MoM อยู่ที่ระดับ 16.10 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 4.44%MoM สู่ระดับ 1,690.09 จุด
พรีวิวผลประกอบการ 4Q65:
InnovestX Research คาดกำไรใน 4Q65 อยู่ที่ 15 ล้านบาท เติบโต 166.3%QoQ และ 25.6%YoY โดยถือว่าเป็นจุดสูงสุดของปี 2565 โดยปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการไตรมาสนี้มาจากการฟื้นตัวของรายได้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 240 ล้านบาท เติบโต 17.5%QoQ และ 19%YoY ซึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ Chip Shortage ที่เริ่มดูดีขึ้น ทำให้ปริมาณงานส่งมอบให้ลูกค้าเพิ่มสูงขึ้น
ในส่วนของ Gross Margin นั้นคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นอยู่ที่ 17% จาก 14.2% ใน 3Q65 จากการที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าจาก 37.8 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สู่ระดับ 34.6 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ต้นทุนในการซื้อสินค้าลดลง ขณะที่ SG&A ค่อนข้างที่จะทรงตัว QoQ และ YoY อยู่ที่ระดับ 22 ล้านบาท
ทั้งนี้ หากการคาดการณ์ดังกล่าวถูกกำไรปี 2565 จะอยู่ที่ 40.4 ล้านบาท ลดลง 36.3%YoY ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าที่ 33 ล้านบาท
กลยุทธ์การลงทุนและแนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
ในปี 2566 ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ที่ 1 พันล้านบาท โดยได้แรงหนุนจากสถานการณ์ Chip Shortage ที่ดีขึ้นต่อเนื่องจากการเปิดประเทศของจีน ในส่วนของความต้องการด้าน Cybersecurity ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับในปี 2566 บริษัทมีกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพิงสินค้าด้าน Cybersecurity ที่เป็น Hardware โดยจะเน้นสินค้าที่เป็น Software มากขึ้น ทั้งนี้ เป้าหมายรายได้ปี 2566 ของบริษัทสูงกว่าที่ InnovestX Research คาดไว้ที่ 918 ล้านบาท โดยคาดการณ์กำไรปี 2566 อยู่ที่ 58 ล้านบาท เติบโต 77%YoY
อย่างไรก็ดี แม้ว่าราคาหุ้นจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 11.1% YTD ตามภาพการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่ม Tech ในสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเองที่ดูดีขึ้น แต่เชื่อว่าราคาหุ้นจะยังมี Momentum เชิงบวกต่อเนื่องได้
เนื่องจากภาพรวมการฟื้นตัวของผลประกอบการ 4Q65 ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง YoY แต่ด้วยความที่ค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็ว ทำให้การฟื้นตัวของ Gross Margin ทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า
InnovestX Research คงคำแนะนำ ‘ซื้อ’ ที่ราคาเป้าหมาย 20-23 บาทต่อหุ้น อิง PE ที่ 35-40x ปี 2566
สำหรับความเสี่ยงที่ต้องติดตามคือ สถานการณ์ Chip Shortage รวมถึงค่าเงินบาทถ้ากลับมาอ่อนค่าอย่างรวดเร็วอีกครั้งจะกระทบในส่วนของ Gross Margin ของบริษัท