เมื่อวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคมซึ่งประกอบด้วย ฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายราชการ มีมติเอกฉันท์เห็นชอบรับหลักการปรับ ‘สูตรบำนาญชราภาพ’ ให้กับผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมกลับไปทำรายละเอียดเพิ่มเติมและจะมีการชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ คาดว่าสูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพแบบใหม่จะเป็นสูตร CARE (Career Average Revalued Earnings) หรือ ‘เฉลี่ยตลอดการทำงาน ปรับเป็นค่าเงินปัจจุบัน’ เพื่อสร้างความเป็นธรรมด้านบำนาญให้แก่ผู้ประกันตนทุกกลุ่ม
ส่วนการปรับสูตรบำนาญชราภาพนั้น คาดว่าจะทยอยมีผลพร้อมการปรับขึ้นค่าจ้างตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2569 ด้วยจำนวนปีละ 100,000 คน จากปัจจุบันมีผู้ประกันตนที่ได้รับบำนาญชราภาพทั้งผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 อยู่ที่ 800,000 คน
THE STANDARD ชวนผู้อ่านและผู้ติดตามร่วมกันเปรียบเทียบความเหมือนและความต่างของ ‘สูตรเดิม’ ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2540 และ ‘สูตรใหม่’ ที่ผ่านการเห็นชอบของที่ประชุมคณะกรรมการประกันสังคม
สูตรเดิม: จะคำนวณจากฐานเงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย หากเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ส่งเงินสมทบแล้วลาออกหรือตกงานก่อนอายุ 55 ปี แล้วไปสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 แทนที่จะได้เงินบำนาญชราภาพ โดยคิดจากฐานเงินเดือน 15,000 บาท จะกลายเป็นคิดจากฐานเฉลี่ยสูงสุด 4,800 บาท และทำให้ได้รับเงินบำนาญชราภาพต่อเดือนต่ำกว่าความเป็นจริง ทั้งๆ ที่ความจริงควรจะได้ 4,000-5,000 บาท แต่เหลือเพียงเดือนละ 1,000 กว่าบาทเท่านั้น
สูตรใหม่: จะคำนวณจากฐานเงินเดือนเฉลี่ยที่ส่งจริงในปัจจุบัน ถึงแม้ผู้ประกันตนมาตรา 33 จะตกงานแล้วไปต่อมาตรา 39 เงินสมทบทั้งสองส่วนที่ส่งไปมาตรา 33 และส่งมาตรา 39 ก็จะถูกนำมาคำนวณด้วย ซึ่งผู้ประกันตนมาตรา 39 จะได้รับเงินบำนาญชราภาพที่เป็นธรรมมากขึ้น
อ้างอิง: