สำรวจความร้อนแรงตลาด ‘กระเป๋าแบรนด์เนม’ มือสอง

ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราได้เห็นปรากฏการณ์การปรับตัวสูงขึ้นของสินค้าหรูหราหลายชนิด ทั้งจากการขาดแคลนวัตถุดิบ และต้องหยุดการผลิตไปในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความต้องการในตลาดลดลงเลย อีกทั้งยังกลายเป็นข้อดีให้ธุรกิจแพลตฟอร์มการขายสินค้ามือสองโดยเฉพาะกระเป๋าแบรนด์เนมเจริญเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

บทความที่เกี่ยวข้อง

Bain & Company บริษัทที่ปรึกษาด้านธุรกิจของสหรัฐอเมริกา ประเมินว่าตลาดสินค้ามือสองมีมูลค่าสูงถึง 1.14 ล้านล้านบาทในปี 2564 ส่วน China Center for Internet Economy Research ประเมินว่าสินค้าหรูหรามือสองในตลาดจีนมีมูลค่าคิดเป็น 5% ของตลาดสินค้าหรูหราในจีนทั้งหมดในปี 2020 ส่วนหนึ่งที่ทำให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในสองปีนี้ก็มาจากมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ ทำให้การไปซื้อสินค้าที่หน้าร้านยากขึ้น ตลาดมือสองจึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม อีกทั้งกิจกรรมการท่องเที่ยวหรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ต่างๆ ยังไม่เปิดเต็มรูปแบบ ผู้คนเลยใช้เงินหาความสุขผ่านการช้อปปิ้ง โดยในปี 2021 แพลตฟอร์มขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองชื่อดังของอเมริกาอย่าง Fashionphile มียอดขายเพิ่มขึ้น 107% เมื่อเทียบกับปี 2020 ส่วน Rebag ก็มียอดขายเพิ่มขึ้น 70% ในปี 2021

อีกส่วนหนึ่งก็คือพฤติกรรมของสาวแฟชั่นยุคใหม่โดยเฉพาะกลุ่มมิลเลนเนียลและ Gen Z ที่นอกจากจะสนองความพึงพอใจของตัวเอง และยังมองเป็นการลงทุนหากต้องขายต่ออีกด้วย โดย 3 แบรนด์ยอดนิยมสำหรับการลงทุนหนีไม่พ้น Hermès, Louis Vuitton และ Chanel โดยข้อมูลจาก Clair โปรแกรม AI สำหรับกำหนดราคาบนแพลตฟอร์ม Rebag รายงานว่า กระเป๋าถือของ Hermès รักษามูลค่าการขายได้เฉลี่ย 90%, Louis Vuitton ประมาณ 80% และ Chanel อยู่ที่ราวๆ 75% ยิ่งทั้ง 3 แบรนด์ชอบควบคุมภาพลักษณ์โดยใช้กลวิธี เช่น การขึ้นราคาทุกปีหรือทุกๆ สองปี (และบางทีก็หลายครั้งต่อปี) ตั้งใจผลิตในปริมาณที่น้อย และจำกัดลูกค้าให้ซื้อเฉพาะหนึ่งหรือสองแบบต่อปี ทำให้รุ่นคลาสสิกของแบรนด์เหล่านี้ถือเป็นการลงทุนที่ดีเป็นพิเศษในตลาดมือสอง ไม่เพียงแต่รักษามูลค่าไว้เท่านั้น แต่ยังมีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปีอีกด้วย

อย่างกระเป๋า Chanel Classic Double Flap ที่จำหน่ายใน Rebag ก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 53% ตั้งแต่ปี 2019 หรือกระเป๋าหายากอย่าง Louis Vuitton Eva Crossbody ที่เลิกผลิตไปในปี 2014 ก็มีราคาพุ่งขึ้นจากราคาเดิมถึง 84% ส่วน Hermès Mini Kelly กระเป๋าหิ้วขนาดจิ๋วที่มีราคาเริ่มต้นประมาณ 277,000 บาทในปี 1980 ตอนนี้ราคาก็เกือบจะเท่าราคารถหรูเลยทีเดียว

ขณะที่ Mini Kelly II ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดเปิดตัวในปี 2016 ราคาก็พุ่งไปอยู่ที่ 1 ล้านบาท ในปี 2021 ยิ่งเป็นรุ่นหนังนกกระจอกเทศ หรือหนังจระเข้ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปอีก ส่วนสีของกระเป๋าที่มีแนวโน้มทำราคาได้สูงขึ้นในตลาดกระเป๋ามือสอง ได้แก่ สีดำ สีแทน สีน้ำเงินเข้ม

ในปี 2021 Sotheby’s ประมูลกระเป๋าได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 4.5 เท่า และ 63% ของทั้งหมดทำราคาได้เกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยมูลค่าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 66% เมื่อเทียบกับปี 2020 นี่เป็นแค่บางส่วนของความร้อนแรงในตลาดกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองที่คาดกันไว้ว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 2.66 ล้านล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า