วันนี้ (25 สิงหาคม) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าการติดตามตัว พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (ผกก.สภ.) เมืองนครสวรรค์ หรือผู้กำกับโจ้ ว่าได้สั่งการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจตระเวนชายแดน เฝ้าระวังชายแดนทั้งหมด และได้ประสานกับประเทศเพื่อนบ้านดูทุกช่องทาง ไม่ว่าจะอยู่เมืองไทยหรือที่ไหนก็ต้องไปตามจับ ซึ่งต้องทำให้ดีที่สุด ต้องเอาให้ได้ ไม่ได้ต้องได้ ทั้งนี้ ทางผู้กำกับโจ้ยังไม่ได้ติดต่อกลับมา ส่วนจะมีคนช่วยเหลือหรือไม่ ผบ.ตร. ระบุว่า คนเราคงไม่สิ้นไร้ไม้ตอก
พล.ต.อ. สุวัฒน์กล่าวอีกว่า สำหรับการรวบรวมพยานหลักฐานทางคดี มี พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เป็นผู้ดูแล ตนก็กำชับว่าต้องเร็ว แต่ต้องไม่ลวก เดี๋ยวจะกลายเป็นประโยชน์ต่อผู้กระทำผิด ซึ่ง พล.ต.อ. สุชาติเป็นคนละเอียดอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 6 ได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้น บ้านหลังหนึ่งในกรุงเทพมหานครของผู้กำกับโจ้ ในหมู่บ้านปัญญาอินทรา P1 ถนนปัญญาอินทรา เขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร ซึ่งปลูกอยู่ในเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ มีบ้าน 2 หลัง โดยตรวจพบรถหรูจำนวน 13 คัน มูลค่ารวมกันนับร้อยล้าน จอดเรียงรายไว้ภายในรั้วบ้านหลังดังกล่าว
ขณะเข้าตรวจค้น พบแต่เพียงแม่บ้านชาวเมียนมา 2 คน จากการสอบถามแม่บ้าน บอกว่า ผู้กำกับโจ้จะเดินทางจากนครสวรรค์เข้ามาที่บ้านในกรุงเทพมหานครทุกวันเสาร์-อาทิตย์ โดยบางครั้งจะมากับแฟนสาว แต่ส่วนใหญ่จะเดินทางมาพักผ่อนที่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง
สำหรับหมู่บ้านปัญญาอินทรา P1 จะมีการซื้อขายกันในมูลค่าไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเชิงลึกพบว่า ผู้กำกับโจ้มีการครอบครองรถไม่ต่ำกว่า 30 คัน
ขณะที่หลังเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติหมายจับ 7 ผู้ต้องหา กรณีร่วมกันทำร้ายร่างกายโดยการทรมานผู้อื่นจนเสียชีวิต จับกุมได้แล้ว 4 นาย ยังคบหลบหนี 3 นาย ได้แก่
- พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล (ผู้กำกับโจ้) ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (ผกก.สภ.) เมืองนครสวรรค์ (หลบหนี)
- ร.ต.ท. ธรณินทร์ มาศวรรณา รองสารวัตรปราบปราม สภ.เมืองนครสวรรค์ (หลบหนี
- ด.ต. วิสุทธิ์ บุญเขียว ผู้บังคับหมู่ งานป้องกันปราบปราม สภ.เมืองนครสวรรค์ (หลบหนี)
โดยได้ส่งรูปไปให้ด่านแนวชายแดนต่างๆ และจุดตรวจ จุดตั้งด่านทั่วประเทศไทยแล้ว หลังตกเป็นผู้ต้องหาและศาลได้ออกหมายจับ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยการทรมานหรือการกระทำทารุณโหดร้าย ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และข้อหาร่วมกันตั้งแต่ห้าคนข่มขืนใจผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย
