วันนี้เวลาประมาณ 17.10 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชาการจังหวัดเชียงราย แถลงข่าวความคืบหน้าภารกิจช่วยเหลือ 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยระบุว่า วันนี้ความคืบหน้าที่ชัดเจนที่สุด ต้องขอบคุณทีมของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ร่วมกับกรมชลประทาน ที่เร่งทำฝายเป็นทางเบี่ยงปิดช่องน้ำที่ห้วยน้ำดั้น บริเวณดอยผาหมี ทำให้น้ำที่เข้ามาทั้ง 2 สายไม่มีไหลเข้ามาในถ้ำอีกแล้ว และชาวบ้านที่อยู่ละแวกนี้ยืนยันว่าห้วยน้ำดั้นเป็นแหล่งน้ำอีกแห่งที่ทำให้น้ำไหลเข้ามาในถ้ำ ซึ่งตอนนี้ได้ปิดไปอย่างถาวรแล้ว ถือว่าลดปริมาณน้ำที่เข้าไปในถ้ำได้
ส่วนความคืบหน้าในส่วนของหน่วยซีล ยืนยันว่ายังอยู่ในตำแหน่งเดิม หรือใกล้เคียงตำแหน่งเดิมจากเมื่อเช้า แต่จากการวางเบสไลน์ไฟส่องสว่าง และถังอากาศหรือถังออกซิเจนประสบความสำเร็จมาก โดยทำการวางในช่วง 800 เมตรที่จะต้องดำน้ำยาวๆ ระหว่างโถง 3 กับบริเวณ 3 แยก เพื่อให้มีออกซิเจนเพียงพอในการดำเนินการ พร้อมเผยว่าหน่วยซีลทำงานบางระยะเวลาเป็นเวลายาวนานจนเท้าไม่สามารถสัมผัสพื้นได้เลย
อีกเรื่องคือระดับน้ำภาพรวมลดลงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะมีน้ำไหลเข้ามาบ้าง แต่อัตราการลดลงของน้ำอยู่ที่ระดับ 1 เซนติเมตรกว่าๆ ต่อชั่วโมง ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ การสูบน้ำตอนนี้บริเวณหน้าถ้ำใช้เครื่องสูบน้ำ 9 ตัว โดยสูบน้ำที่ระยะ 300 เมตร เช่นเดียวกับที่ระยะ 1,500 เมตรที่ใช้เครื่องสูบ 9 ตัว และกำลังจะติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มอีก 6 ตัวจากระยะ 300 เมตรไป 1,500 เมตร โดยจะรีบดึงน้ำออกมาให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ต้องขอบคุณทีมงานท้องที่เพชรบุรี และนครปฐมที่นำเครื่องสูบน้ำพญานาคมาช่วยได้อย่างมาก
สุดท้ายเป็นเรื่องการประสานงาน ซึ่งผู้ว่าฯ เชียงรายได้ฝากย้ำอีกครั้งว่าผู้ใดจะเข้ามาติดต่องาน ขอให้ประสานงานที่กองอำนวยการร่วมก่อน ไม่เช่นนั้นจะขลุกขลักในการเข้าไปทำงานในพื้นที่
ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ เชียงราย ยืนยันว่าในทางทฤษฎีแล้วมนุษย์สามารถอยู่ได้ประมาณ 30 วันแม้ไม่มีอาหารก็ตาม ซึ่งหากพบตัวทั้ง 13 คนก็จะให้ทีมแพทย์ทำการประเมินอีกครั้งว่าควรจะเคลื่อนย้ายหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมพร้อมในการเคลื่อนย้ายไว้หมดแล้วไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนย้ายทางใดก็ตาม
Photo: Thai NavySEAL/Facebook
