แม้ซีเกมส์จะถูกมองว่าเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับภูมิภาค แต่ปีนี้จะแตกต่างออกไป เมื่อบรรดานักกีฬาที่ได้ฝากผลงานบนเวทีระดับโลกและภูมิภาคได้อย่างน่าจดจำ ต่างมารวมตัวลงสนามเพื่อความสำเร็จของบ้านเกิด นี่คือ 10 นักกีฬาต่างชาติ ที่จะทำให้ซีเกมส์ 2025 ยกระดับมาตรฐานการแข่งขันไปสู่ระดับโลก
1.Kayla Sanchez (ฟิลิปปินส์)
เงือกสาววัย 24 ปี ลูกครึ่งแคนาดา-ฟิลิปปินส์ นักว่ายน้ำดีกรีระดับโอลิมปิก เคยคว้า 1 เหรียญเงิน 1 เหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2020 กับแคนาดามาแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนสัญชาติมารับใช้ฟิลิปปินส์เมื่อปี 2023 ผ่านเวทีเอเชียนเกมส์ และ โอลิมปิก 2024 ให้ทีมมาแล้ว
Kayla Sanchez ถือเป็นนักว่ายน้ำระยะสั้นระดับท็อปคนหนึ่งของโลก การมาของเธอช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้กับฟิลิปปินส์ทั้งในท่าเดี่ยวและผลัด โดยเฉพาะ ฟรีสไตล์ ระยะ 100 ม. ท่าเก่งของเธอ โดยเวลา 53.12 วินาที เป็น PB ทำไว้ตั้งแต่ปี 2021 ส่วนสถิติดีสุดรอบปีที่ผ่านมา 53.67 วินาที ทำได้ที่โอลิมปิก 2024 ซึ่งเป็นเวลาที่เร็วกว่าเหรียญทองซีเกมส์ 2023 (55.83) ของ Quah Ting Wen แชมป์เก่าจากสิงคโปร์ ที่ผูกขาดคว้าแชมป์มาตั้งแต่ปี 2015 และยังเป็นขวากหนามสำคัญของนักว่ายน้ำไทยในอีเวนต์ท่าฟรีสไตล์ ท่ากบ และ ทีมผลัด อีกด้วย
2.Hidilyn Diaz (ฟิลิปปินส์)
ยกน้ำหนักสาวสุดแกร่ง รุ่น 55 กก. กวาดเหรียญทองในแมตช์ระดับโลกมาแล้วทุกเวที ตั้งแต่ซีเกมส์, เอเชียนเกมส์, ชิงแชมป์โลก และ โอลิมปิก 2020
เจ้าของ 2 เหรียญทองซีเกมส์ 2019 และ 2021 พลาดที่จะคว้าเหรียญทองสมัยที่ 3 ติดต่อกัน หลังถอนไปในซีเกมส์ 2023 เพื่อโฟกัสกับการควอลิฟายโอลิมปิก 2024 อย่างไรก็ตามเธอพลาดการเข้าร่วมโอลิมปิกเป็นครั้งที่ 5 แต่ความผิดหวังในครั้งนั้น ทำให้จอมพลังวัย 34 มุ่งมั่นที่จะกลับมาทวงความสำเร็จในซีเกมส์หนนี้
ซีเกมส์ 2025 เธอจะลงแข่งในรุ่น 58 กก.หญิง โดยจะต้องขับเคี่ยวแย่งความสำเร็จกับ สุรัสวดี ยอดสาร นักยกเหล็กสาวไทย วันที่ 14 ธันวาคมนี้
3.EJ Obiena (ฟิลิปปินส์)
อีกหนึ่งนักกีฬาระดับโลกที่ฟิลิปปินส์ส่งเข้าประกวด นักกรีฑาเจ้าของเหรียญทองกระโดดค้ำถ่อ เอเชียนเกมส์ 2022 และ รองแชมป์โลก 2023 น่าเสียดายที่เขาไม่อาจเขียนประวัติศาสตร์ในโอลิมปิก 2024 ได้สำเร็จ โดยจบอันดับ 4 ในรอบชิงชนะเลิศ พลาดเหรียญโอลิมปิกไปแบบน่าเจ็บใจ
EJ Obiena ยังเป็นเจ้าของแชมป์เอเชียและแชมป์ซีเกมส์ 3 ครั้งหลังสุด แถมยังเป็นตัวเต็งที่จะคว้าเหรียญทองซีเกมส์ 2025 จะลงแข่งวันที่ 16 ธันวาคมนี้ ซึ่งเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ ภาสพงศ์ สําอางค์ และ ไกรวิชญ์ ปัญญาสวัสดิ์ 2 นักกระโดดค้ำถ่อไทย อย่างแท้จริง
4.Alexandra Eala (ฟิลิปปินส์)
ต้องยอมรับว่าชั่วโมงนี้ฟิลิปปินส์สร้างนักกีฬาขึ้นสู่ระดับโลกได้หลายชนิดกีฬาจริงๆ และเทนนิสหญิงก็เป็นหนึ่งในนั้น Alexandra Eala นักหวดดาวรุ่งวัยเพียง 20 ปี ผลักดันตัวเองขึ้นสู่อันดับที่ 50 ของโลกได้อย่างรวดเร็ว
เจ้าของเหรียญทองแดงหญิงเดี่ยวซีเกมส์ 2021 พัฒนาฝีมือขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี 2025 เธอสร้างชื่อด้วยการผ่านเข้าสู่รอบเมนดรอว์แกรนด์สแลมได้ถึง 3 รายการ ก่อนจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเทนนิสจากแดนตากาล็อกคนแรกที่คว้าชัยชนะในรอบหลักระดับแกรนด์สแลมได้สำเร็จ โดยการโค่น คลารา เทาสัน มือวาง 14 โลกจากเดนมาร์ก ในศึกยูเอส โอเพ่น เมื่อเดือนสิงหาคม
ซีเกมส์ 2025 เธอกลับมาในฐานะเต็ง 1 ของหญิงเดี่ยว โดยจะขับเคี่ยวกับ Janice Tjen มือ 53 โลกจากอินโดนีเซีย รวมถึง มนัญชญา สว่างแก้ว และ ลัลนา ธาราฤดี 2 นักเทนนิสไทย
5.Rizki Juniansyah (อินโดนีเซีย)
หลังจากคว้าเหรียญทองซีเกมส์ 2023 ได้สำเร็จ อดีตแชมป์เยาวชนโลก 2 สมัยก็เดินหน้าพุ่งชนความสำเร็จสูงสุดของชีวิตได้ในปี 2024 เขากลายเป็นนักยกน้ำหนักคนแรกบนหน้าประวัติศาตร์อินโดนีเซียที่คว้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์มาครองได้ในรุ่น 73 กก. ชาย
ซีเกมส์ 2025 Rizki Juniansyah ที่เพิ่งคว้าแชมป์โลกมาครองได้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จะขยับน้ำหนักขึ้นมาแข่งในรุ่น 79 กก. ทำให้ ณัฐวุฒิ สืบสวน เจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ 2021 ซึ่งเป็นตัวแทนของไทยในรุ่นนี้ ต้องพบกับบททดสอบครั้งใหญ่ หากหวังจะคว้าแชมป์ซีเกมส์ให้ได้อีกสมัย
6.Aaron Chia กับ Soh Wooi Yik (มาเลเซีย)
คู่นักแบดชายที่มีรูปแบบการเล่นที่ตื่นตาตื่นใจและเข้าขากันเป็นอย่างดี พิสูจน์มาแล้วจากผลงานบนเวทีระดับโลกในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งการคว้าแชมป์โลก 2022 และเหรียญทองแดงโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวและปารีส
นอกจากนี้ผลงานตลอดปี 2025 ยังถือว่าโดดเด่นสุดๆ คว้าแชมป์ระดับ เวิลด์ ทัวร์ ได้ 2 จาก 5 รายการที่ผ่านเข้าชิงฯ และยังช่วยกันคว้าแชมป์เอเชีย 2025 ทำให้พวกเขาขยับขึ้นมาเป็นมือ 2 ของโลก
ซีเกมส์ 2025 พวกเขากลับมาอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายต้องการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ให้ได้อีกครั้ง หลังเคยทำได้มาแล้ว 2 เหรียญทองเมื่อปี 2019
7.Putri Kusuma Wardani (อินโดนีเซีย )
คลื่นลูกใหม่มาแรงก้าวขึ้นมาเป็นนักแบดมือ 1 ของอินโดนีเซีย ด้วยวัย 23 ปีเท่านั้น พัฒนาการของเธอรุดหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และเป็นกำลังสำคัญที่พาอินโดนีเซียคว้าแชมป์เอเชียครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทั้งในประเภททีมหญิง 2022 และทีมผสม 2025
แม้ว่าผลงานในปี 2025 จะยังไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์รายการสำคัญ แต่การคว้าอันดับ 3 ในศึกชิงแชมป์โลก และการรั้งมืออันดับ 7 ของโลก ทำให้เธอเป็นหนึ่งในคู่แข่งคนสำคัญ และเป็นอุปสรรคที่ทีมแบดมินตันไทยต้องจับตามองอย่างยิ่ง ทั้งในการแข่งขันประเภทบุคคลและประเภททีมหญิงอย่างแน่นอน
8.Quah Ting Wen (สิงคโปร์)
พี่สาวคนโตจากตระกูล Quah ถือเป็นราชินีของวงการว่ายน้ำหญิงซีเกมส์คนหนึ่งยุคปัจจุบัน คว้าเหรียญทองซีเกมส์ครั้งแรกปี 2007 ที่ประเทศไทย ผ่านมา 18 ปี ประสบความสำเร็จไป 34 เหรียญทอง สูงสุดตลอดกาลลำดับ 3 ของซีเกมส์ เป็นรองเพียง Joscelin Yeo (40 ทอง) กับ Patricia Cha (39 ทอง) 2 ตำนานว่ายน้ำรุ่นพี่ชาวสิงคโปร์เท่านั้น
จุดเด่นของเธอคือการว่ายได้ดีในหลายท่า ผีเสื้อ, กรรเชียง และโดยเฉพาะฟรีสไตล์ ท่าหลักของเธอที่ทำเหรียญได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งซีเกมส์ปีนี้หวนกลับที่ประเทศไทยอีกครั้ง ในวัย 33 ปี เธอยังคงเป็นกำลังหลักของสิงคโปร์ในการลุ้นเจ้าสระซีเกมส์อีกครั้ง และที่สำคัญเป้าหมายของเธอ ต้องการอีก 6 เหรียญทองเพื่อทำสถิติเทียบเท่า Joscelin Yeo และ 7 เหรียญทองเพื่อสร้างสถิติเป็นนักกีฬาที่คว้าเหรียญทองซีเกมส์สูงสุดในประวัติศาสตร์
9.Quah Zheng Wen (สิงคโปร์)
32 เป็นจำนวนเหรียญทองที่บุตรชายคนกลางจากตระกูล Quah ทำได้ในซีเกมส์ สูงสุดเป็นลำดับ 4 บนหน้าประวัติศาสตร์ รองจากพี่สาวของเขาเพียงแค่ 2 เหรียญเท่านั้น เป็นอีกหนึ่งกำลังหลักที่พาทีมว่ายน้ำสิงคโปร์ครองเจ้าสระซีเกมส์มาได้ตลอด
จุดเด่นของเขาเหมือนกันกับ Quah Zheng Wen คือระยะตั้งแต่ 50-200 ม. ว่ายได้ดีในหลายท่า ฟรีสไตล์ กรรเชียง และ ผีเสื้อ ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่ทั้งคู่จะประสบความสำเร็จไล่ตามกันมา และซีเกมส์ครั้งนี้ ฉลามหนุ่มวัย 29 ปี คาดหวังที่จะกวาดเหรียญทองให้ได้มากที่สุดอีกครั้ง เพื่อเขียนตำนานบทใหม่ของตัวเองให้สำเร็จ
10.Mohd Syahir Rosdi (มาเลเซีย)
ผู้เล่นตำแหน่งเสิร์ฟระดับซูเปอร์สตาร์ คือคีย์แมนสำคัญที่ช่วยให้ทีมเซปักตะกร้อเสือเหลืองมาเลเซียยังคงยืนหยัดต่อกรกับทีมชาติไทยได้อย่างสูสีในยุคปัจจุบัน
ผลงานอันโดดเด่นของมาเลเซียในการคว้าแชมป์โลกปี 2024 และแชมป์เอเชียปี 2025 ในประเภททีมเดี่ยวนั้น ล้วนมาจากการเอาชนะทีมชาติไทยได้ถึงสองครั้ง และในทุกครั้งที่กล่าวมา มีชื่อของ ชาฮีร์ รอสดี ลงทำหน้าที่เป็นตัวเสิร์ฟคนสำคัญ
แม้ว่าในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่ผ่านมา เขายังไม่สามารถนำพามาเลเซียคว้าเหรียญทองด้วยการเอาชนะไทยได้ แต่เชื่อมั่นว่าในการแข่งขันครั้งนี้ พวกเขามีความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะการ “บุกล้มไทยถึงถิ่น” ซึ่งหากทำสำเร็จ นี่จะเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่ Rosdi และทีมมาเลเซียต้องการอย่างยิ่ง


