เกิดอะไรขึ้น:
InnovestX Research คาดว่า บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) จะรายงานกำไรปกติ 1.5 พันล้านบาท ใน 2Q67 ลดลง 10.9%QoQ แต่เพิ่มขึ้น 4.4%YoY กำไรปกติที่คาดว่าจะลดลง QoQ หลักๆ เกิดจาก:
- ปริมาณการขายผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่ลดลงทั้งในประเทศไทย (43% ของรายได้รวม) และประเทศอินโดนีเซีย (13% ของรายได้รวม) เนื่องจากมีวันหยุดยาว (เทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย และฮารีรายอในประเทศอินโดนีเซีย) และต้นทุนวัตถุดิบ (เศษกระดาษ) ที่เพิ่มขึ้น 5%QoQ ซึ่งจะได้รับการชดเชยบางส่วน
โดยราคาขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2-3%QoQ ในทุกประเทศจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ SCGP ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นของต้นทุนวัตถุดิบน้อยกว่าคู่แข่ง เนื่องจากบริษัทมีสัดส่วนการใช้วัตถุดิบในประเทศอยู่ที่ระดับ 55% เทียบกับอุตสาหกรรมที่มีต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 12-13%QoQ
- สายธุรกิจเยื่อและกระดาษที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย QoQ จากการปิดซ่อมบำรุงประจำปีเป็นเวลา 2 สัปดาห์ของโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ และการบันทึกค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงจำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลทำให้ EBITDA ของสายธุรกิจเยื่อและกระดาษปรับตัวลดลงเล็กน้อย
โดยรวมแล้วคาดว่ารายได้จะลดลง 3%QoQ และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงจาก 20% ใน 1Q67 สู่ 19% ใน 2Q67 ในขณะที่กำไรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น YoY เกิดจากปริมาณการขายและราคาบรรจุภัณฑ์ที่สูงขึ้น รวมถึงความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น SCGP ปรับลง 8.15% สู่ระดับ 31.00 บาท ขณะที่ SET Index ปรับลง 0.96% สู่ระดับ 1,319.92 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2567:
InnovestX Research คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวใน 3Q67 จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังจากผ่านพ้นช่วงที่มีวันหยุดยาวในไตรมาสก่อนหน้า ประกอบกับความต้องการบรรจุภัณฑ์ที่เติบโตสูงขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละประเทศ รวมถึงการปรับเพิ่มราคาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ต้นทุนวัตถุดิบอย่างเศษกระดาษและต้นทุนพลังงานถ่านหินก็คาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัว สำหรับการซื้อหุ้น Fajar Paper เพิ่มเติม (44.48%) SCGP ได้เตรียมงบลงทุนไว้แล้ว 2.32 หมื่นล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยกระแสเงินสดภายในกิจการ 8 พันล้านบาท และส่วนที่เหลือจะมาจากการออกหุ้นกู้และเงินกู้ยืม โดยคาดว่าจะมีต้นทุนดอกเบี้ยเฉลี่ย 3% คิดเป็นค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเพิ่มเติม 450 ล้านบาทต่อปี เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2567
กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ: ราคาหุ้น SCGP ปรับตัวลดลง 14.6%YTD มาเทรดที่ระดับ -1.5SD ของ PE mean บ่งชี้ว่าปัจจัยลบสะท้อนในราคาหุ้นไปเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังพบว่าปริมาณการขายชอร์ตสำหรับ SCGP ลดลงอย่างมาก InnovestX Research ยังคงคำแนะนำ OUTPERFORM สำหรับ SCGP โดยให้ราคาเป้าหมาย 40 บาทต่อหุ้น อ้างอิง PE 25.9 เท่า หรือระดับ -1SD ของ PE mean และคาดว่าการฟื้นตัวของผลประกอบการปี 2567 จะช่วยหนุนให้ราคาหุ้น SCGP ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้าต่อเนื่อง และความไม่สงบทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ต้นทุนถ่านหินเพิ่มขึ้น ความเสี่ยงด้าน ESG ที่สำคัญคือ การบริหารจัดการพลังงาน ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ยังอยู่ระดับสูง (E)