×

‘SCGP’ มั่นใจรายได้ปีนี้เกินเป้าหมายที่ 1.4 แสนล้านบาท ชี้สงคราม-โควิด เร่งความต้องการบรรจุภัณฑ์เพิ่มทั่วโลก

26.04.2022
  • LOADING...
SCGP

เอสซีจี แพคเกจจิ้ง หรือ SCGP มั่นใจรายได้ปีนี้เกินกว่าเป้าหมายที่ 1.4 แสนล้านบาท รับอานิสงส์ความต้องการบรรจุภัณฑ์สูงขึ้นทั้งในอาเซียนและยุโรป หลังเผชิญภาวะสงครามและสถานการณ์โควิดที่ยังไม่คลี่คลายเต็มที่ ยันปีนี้ทุ่ม 1.5 หมื่นล้านบาท ซื้อกิจการและเข้าเป็นพันธมิตรธุรกิจต้นน้ำในต่างประเทศเพื่อสร้าง Synergy

 

วิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะมากกว่าเป้าหมายที่ประเมินไว้ที่ 1.4 แสนล้านบาท เนื่องจากความต้องการสินค้าประเภทบรรจุภัณฑ์ปรับเพิ่มขึ้นทั้งในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก และภูมิภาคตะวันตก

 

โดยแนวโน้มความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนในปีนี้จะทยอยฟื้นตัวจากการที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ ได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดและเปิดประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ภาคการผลิตปรับตัวดีขึ้นและเกิดการเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ขณะที่สถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อและการแซงก์ชันรัสเซียจากชาติพันธมิตรตะวันตก ทำให้ประเทศแถบยุโรปหันมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านสุขภาพและอนามัยมากขึ้น ซึ่งเป็นสินค้าที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ 

 

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ที่ยืดเยื้อดังกล่าว ทำให้ราคาพลังงานและวัตถุดิบในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไป

 

“แม้ราคาต้นทุนพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์จะปรับตัวขึ้น แต่อยากให้มองเรื่องดีมานด์มากกว่า ซึ่ง SCGP อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีดีมานด์โตต่อเนื่อง ทำให้ปัจจัยเรื่องต้นทุนพลังงานไม่น่าเป็นห่วงมาก สำหรับต้นทุนวัตถุดิบ SCGP นำเข้าเศษกระดาษจาก 4 ประเทศทางยุโรป ซึ่งก็มีแนวโน้มส่งออกกระดาษได้ดีขึ้นหลังจากโควิดเริ่มคลี่คลาย นอกจากนี้ สิ่งที่ SCGP สามารถบริหารจัดการได้ก็คือการลดต้นทุน ประหยัดค่าใช้จ่าย และนำเสนอสินค้าและโซลูชันเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า”

 

วิชาญกล่าวว่า SCGP จัดสรรงบลงทุนไว้ประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้แผน 5 ปี (ปี 2565-2569) ที่จะใช้งบลงทุนรวม 1 แสนล้านบาท โดยในปีนี้จะใช้งบสำหรับเข้าซื้อกิจการและเป็นพันธมิตร (Merger and Partnership: M&P) ประมาณ 15,000 ล้านบาท เน้นลงทุนในธุรกิจต้นน้ำในต่างประเทศที่ SCGP มีฐานการผลิตหรือดำเนินการอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อสร้าง Synergy

 

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 SCGP มีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขาย 36,634 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,658 ล้านบาท ลดลง 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA อยู่ที่ 4,887 ล้านบาท ลดลง 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

 

อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวดและ EBITDA ในไตรมาส 1/64 ยังคงสูงกว่าไตรมาสก่อน

 

รายได้จากการขายไตรมาส 1/65 เพิ่มขึ้นจากการเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และการรับรู้รายได้จากการสร้างการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรทางธุรกิจของ Duy Tan, Intan Group และ Deltalab รวมถึงยอดขายจากกลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (Integrated Packaging Business) ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคอาเซียน ทั้งบรรจุภัณฑ์พอลิเมอร์และบรรจุภัณฑ์กระดาษ จากปริมาณความต้องการในกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค การส่งออกอาหารปรุงสำเร็จพร้อมรับประทาน อาหารแช่แข็ง และอาหารสัตว์เลี้ยง และปริมาณความต้องการและราคาของเยื่อกระดาษที่เพิ่มขึ้นจากความกังวลด้านการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน 

 

ในส่วนของกำไรสุทธิในไตรมาส 1/65 ที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นผลมาจากต้นทุนด้านวัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรม ทั้งนี้ SCGP มีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและวางแผนบริหารจัดการล่วงหน้า โดยบริษัทได้ทำสัญญาซื้อขายปริมาณถ่านหินระยะยาวที่ต้องใช้ในปีนี้ เพื่อลดผลกระทบจากราคาที่ผันผวนและปริมาณที่มีจำกัด รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) อย่างต่อเนื่อง และวางแผนรับมือปัจจัยความไม่แน่นอนต่างๆ เช่น การบริหารเงินทุนหมุนเวียนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม การพิจารณาโครงการลงทุนด้วยความรอบคอบ เป็นต้น

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X