บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือ SCG ประเมินความท้าทายหลักในปัจจุบันคือ สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ผันผวน พร้อมเกาะติดความเคลื่อนไหวราคา เพื่อวางแผนรับมือในระยะกลาง-ยาว แต่ยังมั่นใจในความต้องการสินค้าจำเป็นที่ยังขยายตัวจะผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ต่อเนื่อง
กุลเชฏฐ์ ธาราจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บมจ.เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC กล่าวว่า เครือ SCG ยังคงจับตาดูสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างใกล้ชิด โดยมองว่าความท้าทายหลักคือ ความผันผวนของราคาน้ำมัน ทำให้ไม่สามารถประเมินแนวโน้มราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เครือ SCG บริหารจัดการโดยเน้นการลดต้นทุนด้านการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้
“ต้นทุนน้ำมันก็กระทบเยอะ แทบทุกคนได้รับผลกระทบ แต่ความท้าทายไม่ใช่เรื่องถูกหรือแพง แต่เป็นเรื่องความผันผวน เพราะทำให้เราไม่รู้เลยว่าราคาน้ำมันจะไปในทิศทางไหน” กุลเชฏฐ์กล่าว
อย่างไรก็ตาม จากต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้น เครือ SCG ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าจะปรับขึ้นราคาขายสินค้าขึ้นหรือไม่ หรือจะปรับขึ้นเมื่อไร เนื่องจากในการปรับขึ้นราคาสินค้านั้นต้องพิจารณาจากอุปสงค์และอุปทานประกอบด้วย
สำหรับเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอย(Recession) นั้น เครือ SCG ประเมินว่า หากเกิด Recession ขึ้นจริง คงกระทบต่ออุตสาหกรรมต่างๆ แตกต่างกันไป เช่น กลุ่มยานยนต์อาจจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก ขณะที่ปิโตรเคมีน่าจะได้รับผลกระทบน้อย โดยประเมินจากสถานการณ์ในอดีต พบว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีไม่เคยมีการเติบโตแบบติดลบ มีเพียงการเติบโตมากหรือน้อยเท่านั้น เนื่องจากสินค้าปิโตรเคมีเป็นต้นน้ำสำหรับสินค้าจำเป็นหลากหลายประเภท
“เครือ SCG เรามีสินค้าที่หลากหลาย ซึ่งสินค้าหลายตัวอยู่ในกลุ่มสินค้าพิเศษที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (High Value Added Products: HVA) ก็เข้ากับกระแสเมกะเทรนด์ ทำให้มีดีมานด์ที่ขยายตัวต่อเนื่อง ดังนั้นแม้จะเกิด Reseccion ก็จะไม่กระทบความต้องการด้านนี้ และในอดีตเราก็ผ่านภาวะ Recession มาหลายครั้ง เช่น วิกฤตต้มยำกุ้ง วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ จึงเชื่อว่าเครือ SCG จะผ่านความเสี่ยงรอบนี้ไปได้” กุลเชฏฐ์กล่าว
ทุ่ม 600 ล้านบาท ผนึกไมโครซอฟท์เสริมแกร่งอินโนเวชัน
รุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCG กล่าวว่า SCG และไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้ผนึกความร่วมมือกัน เพื่อยกระดับศักยภาพของ SCG สู่องค์กรดิจิทัลครบวงจร โดย SCG ได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีและอินโนเวชันร่วมกับไมโครซอฟท์ครั้งนี้ราว 500-600 ล้านบาท มีระยะเวลาโปรเจ็กต์ประมาณ 5 ปี และได้นำเทคโนโลยีมาผสานการดำเนินการแล้ว ประกอบด้วย
- พัฒนานวัตกรรมและโซลูชันเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น SCG Bi-ion และ SCG IoT Sensing Thermostat
- บริหารจัดการห่วงโซ่คุณค่า เช่น แพลตฟอร์ม TRUCK GO ซึ่งเป็นระบบจัดการบริหารงานขนส่งสำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง-เล็ก ซึ่งช่วยลดเวลาทำงานได้ 60%
- พัฒนากระบวนการผลิต เช่น SCGC นำปัญญาประดิษฐ์ในโปรเจ็กต์บอนไซของไมโครซอฟท์มาพัฒนาเป็นเทคโนโลยี Digital Twin หรือตัวแทนเสมือน ที่ช่วยประมวลผลเพื่อปรับรูปแบบการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ เครือ SCG มีนโยบายจัดสรรงบลงทุนสำหรับกระบวoการ Digital Transformation and Innovation ประมาณ 1-2% ต่อปี
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP