สะพัด! ‘SCBX’ เตรียมขาย บลจ.ไทยพาณิชย์ ด้วยมูลค่าดีล 1.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 5.4 หมื่นล้านบาท

กระแสข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศระบุว่า บมจ.เอสซีบี เอกซ์ อยู่ระหว่างเจรจาขายธุรกิจบริหารจัดการกองทุนซึ่งดำเนินการโดย บลจ.ไทยพาณิชย์ ด้วยมูลค่าสูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 5.4 หมื่นล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับที่ปรึกษาเพื่อประเมินมูลค่าธุรกิจ

สำนักข่าว Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงแหล่งนิรนามว่า บมจ.เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) กำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ ซึ่งรวมถึงการขาย บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) ท่ามกลางการควบรวมอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตในเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินในเรื่องนี้ และเพื่อประเมินมูลค่าทางธุรกิจ เบื้องต้นคาดว่ามูลค่าดีลจะอยู่ที่ 1-1.5 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.6-5.4 หมื่นล้านบาท)

แหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ระบุชื่อกล่าวว่า ขณะนี้มีผู้แสดงความสนใจที่จะซื้อธุรกิจของ SCBAM แล้ว อย่างไรก็ตามการเจรจาเพิ่งอยู่ในช่วงแรก ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเอสซีบี เอกซ์ ก็อาจจะตัดสินใจไม่ขาย SCBAM

โดยตัวแทนของเอสซีบี เอกซ์ ไม่ได้ตอบกลับคำถามที่ Bloomberg ส่งไปในทันที

ธนาคารหลายแห่งในภูมิภาคเอเชียเริ่มสะสมกระแสเงินทุนกันมากขึ้น หนึ่งในวิธีที่เห็นได้มากคือการขายธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักออกมา โดยสำนักข่าว Bloomberg รายงานเพิ่มว่า ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ก็ได้หาลู่ทางขายธุรกิจจัดการสินทรัพย์ด้วยเช่นกัน และได้รับความสนใจจากผู้ซื้อที่มีศักยภาพสูง รวมถึงผู้จัดการกองทุนรายใหญ่ที่สุดของยุโรปอย่าง Amundi SA

ที่ผ่านมาธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ของ SCB มีฐานลูกค้าจำนวนมาก และสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) กว่า 1.6 ล้านล้านบาท ซึ่งตามแผนกลยุทธ์ของกลุ่ม SCB จะเน้นธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญเป็นหลัก ที่เสริมศักยภาพให้กับกลุ่มตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อมุ่งสู่การเติบโตในระดับภูมิภาค ซึ่งโอกาสในดีลดังกล่าวอาจจะไม่ใช่เพียงการขายธุรกิจออกไปเท่านั้น แต่ยังมีแนวทางอื่นๆ อย่างเช่นการเปิดรับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ จัดตั้งขึ้นในปี 2535 เพื่อดำเนินธุรกิจบริหารจัดการกองทุนรวม กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และกองทุนส่วนบุคคล ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2565 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิภายใต้การบริหารสูงถึง 1.6 ล้านล้านบาท (4.4 หมื่นล้านดอลลาร์)

อ้างอิง: