บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) (SCBX) ประกาศเข้าลงนามในสัญญาซื้อขาย โดยธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) เพื่อเข้าซื้อส่วนของทุน (Charter Capital) ในอัตราส่วน 100% ของบริษัท Home Credit Vietnam Finance Company Limited (Home Credit Vietnam) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อผู้บริโภค (Consumer Finance) ในประเทศเวียดนาม จาก Home Credit N.V. (Home Credit Group) โดยมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 20,973 พันล้านดองเวียดนาม หรือประมาณ 31,000 ล้านบาท คาดว่าการทำธุรกรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในครึ่งปีแรกของปี 2568 ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
Home Credit Vietnam ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2551 ปัจจุบันเป็นหนึ่งในผู้นำในตลาดสินเชื่อผู้บริโภคในประเทศเวียดนาม ซึ่งให้บริการสินเชื่อสินค้าคงทน (Consumer Durable Loans) สินเชื่อหมุนเวียน (Revolving Loans) สินเชื่อเงินสด (Cash Loans) และสินเชื่อรถจักรยานยนต์ (Two-Wheeler Loans) ให้กับผู้บริโภคชาวเวียดนามในกลุ่ม Mass และ Upper Mass
โดย Home Credit Vietnam ให้บริการลูกค้าตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทไปแล้วรวมทั้งสิ้นประมาณ 15 ล้านราย และมีเครือข่ายจุดให้บริการ (Point of Sales: POS) ที่แข็งแกร่งทั่วเวียดนามกว่า 14,000 จุด Home Credit Vietnam มีกำไรสุทธิตามงบตรวจสอบแล้วปีล่าสุด (ปี 2565) ประมาณ 1,320 พันล้านดอง (หรือเทียบเท่าประมาณ 1,940 ล้านบาท) และตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา Home Credit Vietnam มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยของสินทรัพย์ต่อปีในอัตรา 18.7% สะท้อนถึงศักยภาพและประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของ Home Credit Vietnam
Home Credit Vietnam มีเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลายและแข็งแกร่ง (Omni-Channel) โดยมีการผสมผสานช่องทางการสื่อสารและการจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์ (Online) และการขายหน้าร้าน (Offline) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าอย่างไร้รอยต่อ มีวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างรอบคอบ มีขีดความสามารถในการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ และโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่มีความทันสมัยสูง
ปัจจุบัน Home Credit Vietnam มีส่วนแบ่งการตลาดใหญ่เป็นอันดับสองในตลาดสินเชื่อผู้บริโภคในประเทศเวียดนาม คิดเป็นประมาณ 14% ของตลาดทั้งหมด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 โดยตลาดสินเชื่อผู้บริโภคในประเทศเวียดนามมีศักยภาพในการเติบโตสูงที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาคที่แข็งแกร่ง นโยบายเศรษฐกิจที่สนับสนุนการเติบโต โครงสร้างประชากรที่เอื้ออำนวย และการขยายตัวอย่างรวดเร็วของกลุ่มชนชั้นกลาง
อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCBX กล่าวว่า “การเข้าซื้อธุรกิจ Home Credit Vietnam ครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญของ SCBX ในแผนยุทธศาสตร์ เพื่อมุ่งสู่การเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำของภูมิภาค ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ SCBX ในตลาดอาเซียนที่มีการเติบโตสูง และเพื่อเพิ่มมูลค่าและผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว
“เศรษฐกิจของเวียดนามมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีการเติบโตของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในต่อปีของประเทศเวียดนาม (GDP) เฉลี่ยอยู่ที่ 7.5% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งมีประชากรที่ตื่นตัวด้านเทคโนโลยี จึงเป็นตลาดที่ SCBX ให้ความสำคัญอย่างมาก การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการขยายธุรกิจของกลุ่ม SCBX เข้าไปในประเทศเวียดนาม ซึ่งมีประชากรกว่า 100 ล้านคน เราเชื่อมั่นว่าด้วยฐานลูกค้ากว่า 15 ล้านคน ประกอบกับเครือข่ายจุดให้บริการกว่า 14,000 จุดทั่วประเทศ และผู้บริหารที่มีความสามารถ อันเกิดจากส่วนผสมที่ลงตัวของทีมงานชาวยุโรปและเวียดนาม จะทำให้ Home Credit Vietnam เป็นฐานที่มั่นที่สำคัญในเวียดนามให้กับกลุ่ม SCBX นอกจากจะสามารถเริ่มทำกำไรให้กับกลุ่มได้ทันทีหลังการเข้าทำรายการเสร็จสมบูรณ์แล้ว ยังเป็นการกระจายรายได้ของกลุ่มเพื่อความแข็งแกร่งในอนาคต โดยภายหลังจากการทำธุรกรรมนี้แล้ว สถานะเงินกองทุนของ SCBX และธนาคารยังคงอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง” อาทิตย์กล่าวเสริม
ราเดค พลูฮาร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Home Credit Group กล่าวว่า “นับตั้งแต่เริ่มต้นธุรกิจเมื่อ 15 ปีที่ผ่านมา Home Credit Vietnam มีการเติบโตอย่างรวดเร็วจนสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำตลาด ผมปรารถนาที่จะแสดงความยินดีกับเพื่อนพนักงานทุกคนที่ได้ร่วมกันสร้างธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและได้รับความเชื่อมั่นจากการให้บริการลูกค้าชาวเวียดนามมากกว่า 15 ล้านราย ในวันนี้เรากำลังส่งไม้ต่อให้กับกลุ่ม SCBX ที่จะมาเป็นเจ้าของรายใหม่ ซึ่งผมมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตและอนาคตที่สดใสยิ่งขึ้นให้กับธุรกิจ Home Credit Vietnam ต่อไป”
Home Credit Vietnam เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจ Home Credit Group จากสาธารณรัฐเช็ก โดยมีการดำเนินงานในหลายประเทศ ทั้งในเอเชียและยุโรป ตั้งแต่ปี 2540 บริหารจัดการโดยกลุ่ม PPF กลุ่มการลงทุนระหว่างประเทศชั้นนำ