‘เอสซีบี เอกซ์’ เผย 3 รูปแบบการลงทุน มุ่งสร้างธุรกิจใหม่ โฟกัสเทคโนโลยีการเงินและแพลตฟอร์ม เดินหน้าสู่การเป็นบริษัทที่มีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านบาท และฐานลูกค้ากว่า 200 ล้านคนจากทั่วโลก
หลังการประกาศปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 และได้รับมติอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อปลายปี 2564 ภายใต้ยุทธศาสตร์ยานแม่ ‘กลุ่มเอสซีบี เอกซ์’ SCBX) มีความเคลื่อนไหวที่สะท้อนแนวทางการสร้างธุรกิจเทคโนโลยีการเงินและแพลตฟอร์มออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดตัวบริษัทลูกใหม่ๆ เช่น AISCB, SCB Tech X, Alpha X เป็นต้น รวมถึงการขับเคลื่อนผ่านรูปแบบการลงทุน เช่น การจัดตั้งกองทุนร่วมทุน หรือ Venture Capital ที่มุ่งเน้นการลงทุนในดิสรัปทีฟเทคโนโลยีด้านบล็อกเชน สินทรัพย์ดิจิทัล เทคโนโลยีด้านการเงิน และเทคโนโลยีอื่นๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงทั่วโลก
จากยุทธศาสตร์ ‘ตีลังกา’ สู่ ‘ยานแม่’
ย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีก่อน ธนาคารไทยพาณิชย์เริ่มกลยุทธ์ตีลังกาจากมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีดิจิทัลเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน เกิดเป็นกระแสดิจิทัลดิสรัปชันที่หลายบริษัทชั้นนำทั่วโลกต่างตระหนักและเร่งปรับตัวให้ทันเพื่อพาองค์กรให้อยู่รอด รวมถึงธุรกิจธนาคารที่ต้องเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ เพื่อต่อกรกับผู้เล่นหน้าใหม่จากบริษัท Tech Company ทั้งในประเทศและต่างชาติ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป จนมาสู่ยุทธศาสตร์ยานแม่ ด้วยการจัดตั้ง SCBX เพื่อนำบริษัทในกลุ่มไทยพาณิชย์ ซึ่งประกอบไปด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัทต่างๆ ให้มุ่งเน้นธุรกิจที่มีการเติบโตสูง และตอบรับโลกแห่งอนาคต มุ่งสู่การเป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงินระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยมีเป้าหมายสู่การเป็นบริษัทที่มีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านบาท และฐานลูกค้ากว่า 200 ล้านคน
แตกธุรกิจใหม่ ผ่าน 3 รูปแบบลงทุน
อาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ประกาศยุทธศาสตร์องค์กรครั้งสำคัญ กับการสร้างยานแม่ของกลุ่ม SCBX ได้ขับเคลื่อนแสวงหาโอกาสใหม่กับธุรกิจที่มีผลกำไรสูงและมีอนาคต ด้วยการลงทุนใน 3 รูปแบบ ได้แก่
- บริษัทที่ SCBX จัดตั้งขึ้นมาเองเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจการเงินส่วนบุคคลและสินเชื่อ โดยการจัดธุรกิจที่มีการเติบโตสูง เช่น Auto X เพื่อทำธุรกิจสินเชื่อทะเบียนรถ และ Card X เพื่อดำเนินธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล
- บริษัทใหม่หรือธุรกิจใหม่ที่เกิดจากการลงทุนของบริษัทในเครือ เช่น SCB 10X ที่จัดตั้งบริษัทใหม่เพื่อทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มหรือสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Robinhood แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย และ Token X ให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจโทเคนดิจิทัลแบบครบวงจร
- SCBX ร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อสร้างธุรกิจใหม่ เช่น AISCB บริษัทร่วมทุนกับเอไอเอส เพื่อให้บริการด้านการเงินดิจิทัล, Alpha X บริษัทร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจ มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) เพื่อให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ ลีสซิ่ง และสินเชื่อรีไฟแนนซ์ รองรับลูกค้ากลุ่มพรีเมียม-ลักชัวรี และ SCB Tech X บริษัทร่วมทุนกับปับลิซีส เซเปียนท์ เพื่อให้บริการธุรกิจในรูปแบบพัฒนาระบบดิจิทัลเทคโนโลยีและธุรกิจด้านแพลตฟอร์ม เป็นต้น
ซึ่งการลงทุนทั้ง 3 รูปแบบจะโฟกัสที่เทคโนโลยีการเงิน แพลตฟอร์ม และสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหลัก รวมถึงธุรกิจใหม่ที่มีอนาคตภายใต้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานกำกับทางการ โดยไม่ได้จำกัดตัวเองว่าจะต้องเป็นธุรกิจที่อยู่ในประเทศไทยหรือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น เพราะโลกแห่งเทคโนโลยีดิจิทัลในยุคนี้ทำให้มีลูกค้าเป้าหมายของกลุ่มไทยพาณิชย์กระจายอยู่ทั่วโลก
ซึ่งแผนการขยายตัวไปยังธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 5 เดือนที่ผ่านมานั้น SCBX ยังทำหน้าที่เป็นยานแม่ที่ดูแลการทำ Business Development และการทำ Merger and Acquisition ของกลุ่ม ซึ่งดำเนินการคู่ขนานไปพร้อมๆ กับกระบวนการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มไทยพาณิชย์
โดยกระบวนการถัดไป ผู้ถือหุ้นทุกรายจะสามารถแลกหุ้นของธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นหุ้นของบริษัท SCBX ได้ และภายหลังการแลกหุ้นดังกล่าว หุ้นของบริษัท SCBX จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทนหุ้นของธนาคารไทยพาณิชย์ที่จะเพิกถอนจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน