เข้าสู่เดือนท้ายสุดของปี 2564 เปรียบเทียบได้ว่าเป็นสังเวียนสุดท้ายสำหรับนักลงทุน จังหวะเช่นนี้กองทุน RMF และ SSF จึงเป็นที่มองหายอดนิยม แต่ในการลงทุนเพื่อรองรับชีวิตหลังเกษียณและสามารถนำเงินลงทุนไปลดหย่อนภาษีได้นั้น ไม่ใช่ว่าทุกกองทุนที่ติดป้าย RMF และ SSF จะเป็นอาวุธเด็ดไปเสียหมด ฉะนั้นการเฟ้นหากองทุนที่ดี มีคุณสมบัติในการเป็นหมัดเด็ดหรือหมัดฮุกจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้ต้องการพิชิตสังเวียนการลงทุนในโค้งสุดท้ายเช่นนี้
จังหวะเช่นนี้ SCB จึงไม่พลาดที่จะคัดสรรกองทุน RMF และ SSF ซึ่งเป็นหมัดเด็ดมาติดเป็นอาวุธปลายนวมแก่นักลงทุน เพื่อปั้นพอร์ตให้ทำคะแนนได้ในทุกมุม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- 5 กองทุน SSF ที่ผลตอบแทนโดดเด่นในรอบ 3 เดือน และ 1 ปี
- เจาะกองทุน SSF/RMF ดาวเด่นสายฮิต กับ SCBRM4 และ SCBLT1-SSF
- 10 กองทุน RMF ที่ผลตอบแทนดีสุดตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
โดย 4 กองทุน RMF และ SSF ที่โค้ชมากประสบการณ์อย่าง SCB CIO แนะนำ* มีดังนี้
1. SCB GLOBAL HEALTH CARE RMF หรือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ โกลบอลเฮลธ์แคร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMGHC) ความเสี่ยงระดับ 7 ซึ่งจัดว่ามีความเสี่ยงสูง
SCBRMGHC เป็นกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ที่ลงทุนเกาะเทรนด์สุขภาพ โดยคัดสรรหุ้นจากทั่วทุกมุมโลกในกลุ่ม Health Care ครอบคลุมถึงบริษัทที่วิจัย พัฒนา และผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพ ตลอดจนผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ ซึ่งเทรนด์สุขภาพเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์การลงทุนทั่วโลก เพราะเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่ทุกคนล้วนมีความต้องการใช้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจ
กองทุน SCBRMGHC เหมาะกับนักลงทุนที่สามารถรับความผันผวนของราคาหุ้นที่กองทุนรวมไปลงทุน ซึ่งอาจจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหรือลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าที่ลงทุนและทำให้ขาดทุนได้ และควรเป็นนักลงทุนที่สามารถลงทุนในระยะกลางถึงระยะยาว โดยคาดหวังผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ทั่วไป นักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังหุ้นกลุ่ม Health Care
2. SCB CHINA A-SHARE RMF หรือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นจีนเอแชร์ เพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRMCHA) ความเสี่ยงระดับ 6 ซึ่งจัดว่ามีความเสี่ยงสูง
SCBRMCHA มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือ ChinaAMC CSI 300 Index ETF (กองทุนหลัก) ซึ่งดัชนี CSI 300 สะท้อนถึง 300 บริษัทชั้นนำในตลาดหุ้นจีนที่พร้อมเติบโตไปกับความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของจีน และนโยบาย Made in China 2025 อันเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศจีนที่มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาประเทศอย่างรอบด้าน
3. SCB SELECTS EQUITY FUND (Super Saving Fund) หรือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ ซีเล็คท์ อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม) (SCBSE-SSF) ความเสี่ยงระดับ 6 ซึ่งจัดว่ามีความเสี่ยงสูง
มีนโยบายเน้นการลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวนไม่เกิน 30 หลักทรัพย์ ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการลงทุน (Efficient Portfolio Management) ตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนรวม และตราสารที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง (Structured Note) ได้
4. SCB LOW VOLATILITY EQUITY FUND (Super Saving fund) หรือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้น LOW VOLATILITY (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLEQ-SSF) ความเสี่ยงระดับ 6 ซึ่งจัดว่าความเสี่ยงสูง
SCBLEQ-SSF มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ Low Volatility Equity Portfolio (กองทุนหลัก) ชนิดหน่วยลงทุน I (สำหรับนักลงทุนสถาบันเท่านั้น) ในรูปสกุลเงินดอลลาร์
กองทุนหลักบริหารโดย AllianceBernstein L.P. จดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศลักเซมเบิร์ก และจะทำหน้าที่คัดเลือกหุ้นทั่วโลกจากปัจจัยพื้นฐานพร้อมทั้งมีความผันผวนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาด
แถมท้ายเอาไว้ติดปลายนวม ด้วยกองทุน RMF-SSF ขายดีระดับแชมป์* อีก 2 กองทุน คือ
- SCB EQUITY RMF หรือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (SCBRM4) ซึ่งเป็นกองทุน RMF ประเภทหุ้นที่ขายดีประจำปี 2564 ความเสี่ยงระดับ 6 ซึ่งจัดว่ามีความเสี่ยงสูง
โดย SCBRM4 ลงทุนหุ้นไทยพื้นฐานดีที่ผ่านการคัดเลือกหุ้นจากผู้จัดการกองทุนผู้มากประสบการณ์ เพื่อจัดสรรการลงทุนให้เหมาะสมตามสภาวะตลาด
- SCB DIVIDEND STOCK 70/30 LONG TERM EQUITY FUND (Super Savings Fund) หรือกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLT1-SSF) ความเสี่ยงระดับ 6 ซึ่งจัดว่ามีความเสี่ยงสูง
SCBLT1-SSF เป็นกองทุน Top Hit การันตีด้วยการครองแชมป์กองทุน SSF ขายดีของ SCB 2 ปีซ้อน (2563-2564) โดย SCBLT1-SSF มีนโยบายลงทุนหุ้นไทยไม่เกิน 70% ที่เหลือกระจายลงทุนในตราสารหนี้พร้อมโอกาสรับปันผล
สรุปหมัดเด็ดของกองเด่นทั้ง 6 กอง เพื่อนักลงทุนได้ตัดสินใจคว้ากองที่ชอบมาช่วยทำคะแนนให้พอร์ต แบ่งตาม ประเภทของ RMF และ SSF ได้ดังนี้
- SCBRMGHC – ลงทุนเกาะเทรนด์สุขภาพ คัดสรรหุ้นทั่วโลกในกลุ่ม Health Care ทั้งบริษัทที่วิจัย พัฒนา และผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพ โดยบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพนั้นนับเป็น 1 ในปัจจัยสี่ จึงมีความต้องการใช้ในทุกสภาวะเศรษฐกิจ
- SCBRMCHA – เหมาะกับการลงทุนระยะยาว คัดสรรหุ้นบริษัทจีนแผ่นดินใหญ่ 300 บริษัทแรก พร้อมเติบโตไปกับความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของจีน และ Made in China 2025 ยุทธศาสตร์จีนที่มุ่งพัฒนาประเทศ
- SCBRM4 – กองทุน RMF ประเภทกองทุนหุ้นขายดีประจำปี 2564 ลงทุนหุ้นไทยพื้นฐานดี โดยผ่านการคัดเลือกหุ้นจากผู้จัดการกองทุนให้เหมาะสมตามสภาวะตลาด
- SCBSE-SSF – มีผู้เชี่ยวชาญคัดเลือกหุ้นไทยที่น่าสนใจในแต่ละช่วงเวลา โดยลงทุนในหุ้นไม่เกิน 30 หลักทรัพย์
- SCBLEQ-SSF – ลงทุนในกองทุนหลักที่คัดเลือกหุ้นทั่วโลกจากปัจจัยพื้นฐานพร้อมทั้งมีความผันผวนที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดโดยรวม
- SCBLT1-SSF – ครองแชมป์เป็นกองทุน SSF ขายดีของ SCB ประจำปี 2563-2564 มีนโยบายลงทุนหุ้นไทยไม่เกิน 70% ที่เหลือกระจายลงทุนในตราสารหนี้พร้อมโอกาสรับปันผล
หมายเหตุ:
*ข้อมูลยอดการซื้อผ่านช่องทางธนาคารไทยพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2564 – 2 กันยายน 2564
**กองทุนแนะนำโดย SCB Chief Investment Office
***ข้อมูลโดย SCB Chief Investment Office และเอกสาร Fund Fact Sheet ของกองทุนจาก SCBAM
****ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.scb.co.th/th/personal-banking/investment/fund/mutual-funds/ssf-rmf-investment.html
คำเตือน:
- ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน และศึกษาสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน RMF/SSF ก่อนตัดสินใจลงทุน
- กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุน รวมถึงควรลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตนและยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนได้
- ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
- กองทุนบางกองทุนมิได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน รวมถึงบางกองทุนมีการลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรม จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนอาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ดังนั้นควรลงทุนในกองทุนรวมที่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การลงทุนของตน และผู้ลงทุนยอมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการลงทุนดังกล่าวได้ และสามารถศึกษาข้อมูลกองทุนหลักได้จากเว็บไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และรายละเอียดเพิ่มเติมของกองทุนผ่าน SCB EASY App