กฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคาร ไทยพาณิชย์ ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ แสนสิริจำนวน 1.52 หมื่นล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใน 3 พื้นที่ศักยภาพ ได้แก่ โครงการกรุงเทพกรีฑา โครงการบางนา กม.10 และโครงการชิดลม ซึ่งเป็นอีกครั้งที่แสนสิริสร้างความตื่นเต้นให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยของประเทศไทย ด้วยการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูงที่มุ่งเน้นการมอบนวัตกรรมและความยั่งยืน
ธนาคารมีความเชื่อมั่นว่า การลงทุนครั้งนี้จะนำมาซึ่งการสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยในยุคปัจจุบัน ทั้งยังเป็นการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้ภาคอสังหามีบทบาทอย่างสูงในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ซึ่งธนาคารไทยพาณิชย์สนับสนุนธุรกิจอสังหาแบบครบวงจร ทั้งสินเชื่อเพื่อผู้พัฒนาโครงการ และสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้บริโภค
การสนับสนุนในครั้งนี้ยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ Digital Bank with Human Touch ของธนาคารไทยพาณิชย์ ในการส่งเสริมการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพ ทั้งยังให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมเข้ามาส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ด้านอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) ผู้นำกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาไทย กล่าวว่า 3 โครงการที่ธนาคารไทยพาณิชย์ให้การสนับสนุนนั้น แต่ละโครงการมีความโดดเด่น ทั้งในด้าน Design, Service, Quality และ Sustainability เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้แสนสิริยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ในปีแห่งการเติบโตที่สำคัญของแสนสิริ ก้าวต่ออย่างมั่นคงสู่ปีที่ 40 ด้วยแนวทาง ‘RESILIENT GROWTH’ โดยนำศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ นวัตกรรม มาต่อยอดธุรกิจและขับเคลื่อนการทำงานในองค์รวม เพื่อส่งมอบสินค้าและบริการให้กับผู้บริโภคอย่างตรงใจและโดดเด่นเหนือคู่แข่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสนสิริเชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในอนาคต
สำหรับปีนี้แสนสิริวางแผนธุรกิจเปิดตัวโครงการใหม่ 46 โครงการ มูลค่า 6.1 หมื่นล้านบาท (สูงสุดในอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัย) พร้อมตั้งเป้ายอดขาย 5.2 หมื่นล้านบาท และเป้าหมายยอดโอนที่ 4.3 หมื่นล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์สำคัญขับเคลื่อนองค์กรควบคู่กับความพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ ประกอบด้วยการรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตอย่างสม่ำเสมอ ให้ความสำคัญกับวินัยทางการเงิน ตลอดจนรักษาสภาพคล่องที่เหมาะสม รองรับได้กับทุกสถานการณ์