ปลายปี 2564 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือนมกราคม-เมษายน 2565 โดยให้เรียกเก็บที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 3.78 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.63 จากงวดปัจจุบัน
ต้องหยิบปากกามาวงเป็นตัวใหญ่ๆ เลยว่า การปรับดังกล่าวถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นในรอบ 2 ปี หลังจากที่มีการตรึงค่าเอฟทีมาตั้งแต่ช่วงโควิด
เทรนด์ค่าไฟฟ้าขาขึ้นทำให้คนไทยหลายคนหันมาค้นหาวิธีที่จะช่วยประหยัดไฟ ซึ่งนอกจากการปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น การหาเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานแล้ว
‘โซลาร์รูฟ’ กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น เพื่อรับมือกับปัญหาค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นแบบขั้นบันได และความต้องการใช้ไฟที่ทวีคูณในช่วงวิกฤตการณ์โควิด-19 รวมถึงการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้เห็นยอดการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นจากการติดตั้งเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านอยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์มากขึ้น
โดย ‘โซลาร์รูฟ’ คือการนำพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาบ้านที่ว่างเปล่ามาทำให้มีประโยชน์ด้วยการผลิตพลังงานไฟฟ้า ซึ่งช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า ตอบโจทย์ค่าใช้จ่ายครัวเรือนให้กับเจ้าของบ้าน หรือลดต้นทุนทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่ ทั้งยังผลิตพลังงานที่สะอาดรับกับเทรนด์ Net-Zero Carbon แก้ไขปัญหาสภาพสิ่งแวดล้อมระยะยาว
กระนั้นต้นทุนของการติด ‘โซลาร์รูฟ’ อาจกลายเป็นโจทย์ใหญ่ที่แต่ละบ้านและธุรกิจต้องขับคิดถึงความคุ้มค่า แต่ด้วยผลดีที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวที่ดีมากกว่า ดังนั้นปัญหานี้จึงจะหมดไป เมื่อธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB จับมือ กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง หรือ GUNKUL ชวนติดโซลาร์รูฟหั่นค่าไฟ เพื่อลูกค้าสินเชื่อบ้าน และลูกค้าทั่วไปของไทยพาณิชย์ ที่สนใจติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์รูฟ) เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าไฟ เตรียมรับหน้าร้อนที่จะถึงนี้
SCB จับมือ GANKUL จัดทำแคมเปญ ‘ร้อนนี้ติดโซลาร์หั่นค่าไฟ’ โดยลูกค้าที่สนใจติดตั้งโซลาร์รูฟกับกันกุลฯ ตั้งแต่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน 2565 รับส่วนลดสูงสุด 59,900 บาท พร้อมบริการฟรีค่าสำรวจหน้างาน และรับประกันการติดตั้ง 2 ปี
ทาง SCB ยังได้อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าสามารถเลือกชำระค่าติดตั้งโซลาร์รูฟได้หลายวิธี เช่น โอนจ่ายเต็มจำนวนผ่านแอปพลิเคชัน SCB EASY หรือรูดจ่ายเต็มจำนวนผ่านบัตรเครดิต SCB ทุกประเภท หรือผ่อนชำระเท่าเดิมไม่เพิ่มภาระด้วยสินเชื่อบ้านได้เพิ่ม สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้านและสินเชื่อบ้านคือเงิน
“คาดว่ากลุ่มลูกค้าที่มีค่าใช้จ่ายค่าไฟต่อเดือนอยู่ที่ 3,000 บาทขึ้นไปจะให้ความสนใจโซลูชันดังกล่าว เพราะสามารถช่วยประหยัดค่าไฟได้สูงสุด 60% ต่อเดือน* และยังช่วยลูกค้าเพิ่มรายได้อีกทาง โดยกรณีลูกค้ามีไฟฟ้าส่วนที่เหลือใช้ สามารถนำมาขายไฟให้แก่ภาครัฐ โดยกันกุลฯ จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการประสานงานกับภาครัฐให้แก่ลูกค้าที่ใช้บริการดังกล่าวอีกด้วย” อรรัตน์ ชุติมิต รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ Retail and Business Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าว
ขณะที่ นฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ สายงานกลยุทธ์การลงทุนและธุรกิจนวัตกรรมพลังงาน บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริษัท บริษัท กันกุล โซลาร์ คอมมูนิตี้ จำกัด หรือ GRoof ผู้ให้บริการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปครบวงจร กล่าวว่า การร่วมมือกับสถาบันการเงินชั้นนำอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ในครั้งนี้จะเป็นการสร้างทางเลือกเพิ่มการเข้าถึง เพื่อยกระดับผู้ใช้ไฟในวันนี้ให้เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าด้วยตัวเองจากโซลาร์รูฟ ผ่านบริการด้านการเงินที่หลากหลาย อย่างผ่อนพร้อมสินเชื่อบ้านและอื่นๆ ที่ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องลงทุนเงินก้อน แต่เลือกชำระในแบบที่เหมาะกับตัวเองที่สุด
“โดยปล่อยให้หน้าที่ในการออกแบบ จัดหาอุปกรณ์และติดตั้ง เป็นหน้าที่ของ GRoof ด้วยประสบการณ์การติดตั้งกว่า 200 หลังคาเรือน ได้รับความไว้วางใจจากหลากหลายอุตสาหกรรม รวมกำลังการติดตั้งกว่า 100 MW”
ซึ่ง GUNKUL นั้นให้ความสำคัญกับมาตรฐานการให้บริการด้วยอุปกรณ์ เช่น แผงโซลาร์เซลล์และอินเวอร์เตอร์จากแบรนด์ระดับโลก เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานและความปลอดภัย พร้อมทีมงานวิศวกรและทีมลูกค้าสัมพันธ์ของกันกุล โซลาร์ คอมมูนิตี้ ที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาดูแลลูกค้าตลอดเส้นทางพลังงานสะอาดของคุณ ครอบคลุมไปจนบริการหลังการขาย
สำหรับผู้ที่สนใจรับสิทธิพิเศษสามารถลงทะเบียนรับสิทธิได้ที่ https://bit.ly/34HLice
*หมายเหตุ: ประหยัดค่าไฟต่อเดือนสูงสุด 60% ข้อมูลอ้างอิงจากการมอนิเตอร์ผู้ใช้งานจริง 200 คน ผ่านแอปพลิเคชัน FusionSolar ของ Huawei โดยมูลค่าการประหยัดต่อเดือนขึ้นอยู่ปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งสอดคล้องกับสภาพแสงแดด พื้นที่การติดตั้งที่เหมาะสม ขนาดระบบโซลาร์รูฟ ช่วงเวลาการใช้ไฟฟ้า ฯลฯ
อ้างอิง: