×

SCB EIC คาด ต้นปี 2568 คนจีนกลับมาเที่ยวไทยสู่ระดับปกติ หลังเห็นสัญญาณฟื้นชัด ประเมินทั้งปีนี้ต่างชาติเที่ยวไทยแตะ 36.2 ล้านคน

24.06.2024
  • LOADING...

SCB EIC แนะนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยปรับตัวรับพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวจีนที่เปลี่ยนแปลงไป หันมาเดินทางเองมากขึ้นและใช้กรุ๊ปทัวร์ขนาดเล็กลง การตลาดรีวิวบนโซเชียลมีเดียของจีนจะมีผลต่อการตัดสินใจ

 

ดร.กมลมาลย์ แจ้งล้อม นักวิเคราะห์อาวุโส ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Morning Wealth ว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในช่วงต้นปี 2567 จนถึงล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้วมากกว่า 16.6 ล้านคน ถือเป็นตัวเลขที่น่าพอใจพอสมควร แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาจะมีการชะลอตัวลงตามฤดูกาลท่องเที่ยว แต่ถือว่ามีทิศทางการฟื้นตัวที่ดี

 

โดยในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มาไทยรวม 2.63 ล้านคน เร่งฟื้นตัวดีขึ้นแตะ 96% ของช่วงก่อนเกิดโควิดแพร่ระบาด และคาดว่าการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในเดือนมิถุนายนนี้จะฟื้นตัวดีต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการวีซ่าฟรี และ Visa on Arrival (VOA) ของรัฐบาลไทยที่เพิ่งประกาศใช้

 

อย่างไรก็ดี เมื่อแยกกลุ่มการฟื้นตัวตามสัญชาติของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย พบข้อมูลว่านักท่องเที่ยวกลุ่มประเทศต่างๆ เริ่มจะฟื้นตัวกลับมาเทียบเท่าในปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะมีสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด มีเพียงกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่ยังอยู่ในช่วงของการทยอยฟื้นตัว จากข้อมูลในเดือนพฤษภาคมปีนี้ พบว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาประเทศไทยราว 5 แสนคน ถือเป็นการฟื้นตัวที่ระดับสัดส่วน 70% ก่อนช่วงเกิดโควิด โดยสะท้อนว่าการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนยังอยู่ในระดับที่ช้ากว่านักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ

 

ขณะที่ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนได้กลับมาครองตำแหน่งชาติที่เดินทางมาประเทศไทยสูงสุด ด้วยจำนวน 3.27 ล้านคน สะท้อนว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่เข้ามาสร้างรายได้ให้กับภาคการท่องเที่ยวของไทยในระยะจากนี้ไปข้างหน้าต่อไป

 

เปิดปัจจัยหนุนภาคการท่องเที่ยวไทยฟื้นปี 2567 

 

SCB EIC เชื่อมั่นว่าในปี 2567 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะฟื้นตัวแตะระดับ 36.2 ล้านคน โดยแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนอย่างน้อย 7 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนจะกลับมาใกล้เคียงกับปี 2562 ในช่วงต้นปี 2568

 

สำหรับภาพรวมแนวโน้มของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีการเดินทางออกไปในต่างประเทศเริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องกลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จากปัจจัยบวกที่มีความต้องการเดินทางไปต่างประเทศที่ระดับสูง ซึ่งจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางทางอากาศระหว่างประเทศของจีนในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 19.2 ล้านคน หรือฟื้นตัวดีขึ้นเป็นสัดส่วน 79% ของช่วงก่อนโควิดระบาด อีกทั้งยังมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนจากตัวเลขจำนวนผู้โดยสารที่เดินทางระหว่างประเทศในเดือนเมษายนที่เร่งตัวขึ้นแตะสัดส่วน 84% ของช่วงก่อนโควิดระบาด จากเดือนมีนาคมที่ฟื้นตัวดีขึ้นมาแตะระดับ 80% ของช่วงก่อนโควิดระบาด 

 

ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนกลับมาสู่ภาวะปกติได้นั้นมีดังนี้

 

  • ภาวะเศรษฐกิจของจีนที่ภาพรวมยังอยู่ในช่วงการชะลอตัวหลังจากในไตรมาส 4/2566 มีการขยายตัวที่ต่ำที่สุด ส่งผลกระทบให้การใช้จ่ายของชาวจีนยังไม่กลับมาคึกคักในระดับปกติ
  • การเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีกำลังซื้อสูง โดยผู้ที่มีรายได้สูงถึงปานกลางเป็นพลเมืองกลุ่มใหญ่ของจีน มีสัดส่วนประมาณ 30% หรือมีจำนวนประมาณ 470 ล้านคน
  • มาตรการวีซ่าฟรีระหว่างจีนกับต่างประเทศ จะช่วยกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมายังต่างประเทศได้ง่ายขึ้น โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้โดยไม่ต้องขอวีซ่าเป็นจำนวน 20 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

 

อย่างไรก็ดี เริ่มเห็นภาพว่าหากไม่รวมเขตของพิเศษฮ่องกง, ไต้หวัน และมาเก๊า ที่ชาวจีนสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกและง่ายอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวชาวจีนยังยกให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางหลักของการเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ ตามมาด้วยญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, เวียดนาม และสิงคโปร์

 

ดร.กมลมาลย์ กล่าวต่อว่า พฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวจีนแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก คือนักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองและกรุ๊ปทัวร์

 

โดยในปี 2562 จะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยด้วยตัวเองมีสัดส่วน 60% และนักท่องเที่ยวที่เป็นกรุ๊ปทัวร์จะอยู่ที่ 40% ส่วนในปี 2566 นักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเองนั้นเพิ่มมากขึ้นถึง 86% ส่วนที่เหลือ 14% เป็นการเดินทางด้วยกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งจะเห็นได้ว่านักท่องเที่ยวที่เป็นกรุ๊ปทัวร์นั้นลดลงพอสมควร โดยเฉพาะทัวร์กรุ๊ปใหญ่ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอลง รวมถึงความพร้อมของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ที่ค่อนข้างมีความอ่อนไหวต่อราคาแพ็กเกจการท่องเที่ยวที่มีการเปลี่ยนแปลง

 

ขณะที่ในปี 2567 นักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาด้วยตัวเองเป็นหลัก โดยรูปแบบการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจะเป็นลักษณะการเข้าถึงวิถีคนท้องถิ่นอย่างแท้จริง รวมถึงในเชิงการรับประสบการณ์ที่แตกต่างจากเดิม กำลังเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในสื่อโซเชียลมีเดียของจีน

 

SCB EIC แนะธุรกิจไทยปรับตัวรับพฤติกรรมชาวจีนเปลี่ยน

 

กรุ๊ปทัวร์ที่เดินทางเข้ามาจะมีลักษณะ Tailor Made ที่ปัจจุบันกำลังได้รับความสนใจในการให้บริการเพิ่มขึ้น โดยจะออกแบบจัดโปรแกรมตามความต้องการของลูกทัวร์เป็นหลัก ซึ่งจะมีราคาสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับราคาของแพ็กเกจท่องเที่ยวกรุ๊ปใหญ่ทั่วไป สะท้อนการเปลี่ยนโครงสร้างของรูปแบบการท่องเที่ยวของกรุ๊ปทัวร์ที่จะนำไปสู่กลุ่มที่มีกำลังซื้อและมีความพร้อมในการใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น

 

ดังนั้นการปรับตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เกิดขึ้นดังกล่าว ส่งผลให้ภาคธุรกิจทั้งของจีนและไทยต้องมีการปรับตัวให้พร้อมรับรูปแบบการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป โดยปัจจุบันธุรกิจท่องเที่ยวในไทยยอมรับว่าคาดหวังว่าจะได้รับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกรุ๊ปใหญ่ในรูปแบบเดิม ส่งผลให้ภาคธุรกิจการท่องเที่ยวบางส่วนยังปรับตัวไม่ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้นธุรกิจที่รองรับ Value Chain ของนักท่องเที่ยวจีน ต้องยอมปรับตัวให้ทันความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนยุคใหม่ให้ทันและสอดคล้องกับภาพที่เกิดขึ้น

 

ในฝั่งของบริษัททัวร์ควรมีโปรแกรมทัวร์ที่หลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของชาวจีนให้มากขึ้น เพราะปัจจุบันชาวจีนต้องการหาโปรแกรมการท่องเที่ยวที่มีความแปลกใหม่หรือมีการ Tailor Made ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หรือจัดโปรแกรมท่องเที่ยวพิเศษตามความสนใจของนักท่องเที่ยวชาวจีน เช่น การจัดโปรแกรมให้มีการแต่งชุดไทยถ่ายรูปในสถานที่สำคัญในกรุงเทพฯ หรือการจองร้านอาหารชื่อดัง

 

ด้านบริษัทรถทัวร์ควรพิจารณาปรับลดการใช้รถบัสขนาดใหญ่มาเป็นรถบัสขนาดเล็กหรือรถตู้ เพื่อรองรับรูปแบบการเดินทางที่เป็นกรุ๊ปทัวร์ขนาดเล็กหรือแบบไพรเวตเพิ่มมากขึ้น ส่วนธุรกิจโรงแรมควรให้ความสำคัญในการยกระดับ Facilities เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของชาวจีนที่ต้องการท่องเที่ยวแบบ Slow Life มากขึ้น ส่งผลให้มีการใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ของโรงแรมยาวนานขึ้น รวมถึงมีการออกแบบที่พักให้มีลักษณะโดดเด่น มีการทำการตลาดโดยการรีวิวบนโซเชียลมีเดียของจีน ซึ่งจะมีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกที่พักของชาวจีน โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่มีการใช้โซเชียลมีเดียในการหาข้อมูลในการท่องเที่ยว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X