ทันทีที่ตัวเลขบนนาฬิกาเปลี่ยนเป็น 00.01 น. ของวันที่ 24 มิถุนายน 2561 เสียงติดเครื่องยนต์ทั่วประเทศซาอุดีอาระเบียก็กระหึ่มขึ้น พร้อมกับเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของผู้หญิง นี่คือวันประวัติศาสตร์วันแรกที่ผู้หญิงซาอุดีอาระเบียสามารถขับรถเองได้ และถือเป็นชาติสุดท้ายบนโลกที่ยกเลิกกฎดังกล่าว
หลังจากเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว กษัตริย์ซัลมานแห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย ได้ออกพระราชกฤษฎีกายกเลิกการแบนการขับรถของผู้หญิง ซึ่งใช้มานานหลายสิบปี ถือเป็นประเทศสุดท้ายที่เข้าสู่แนวทางปฏิบัติเช่นเดียวกับประเทศอื่นทั่วโลกที่ให้ผู้หญิงขับรถยนต์ได้
Samah Algosaibi หญิงสาวชาวซาอุดีอาระเบียรายหนึ่งหยิบกุญแจ ติดเครื่อง และเหยียบคันเร่งขับรถวินเทจ Corvette C1 ปี 1959 ออกไปบนท้องถนนด้วยความปลื้มปีติ “เรากำลังร่วมเป็นพยานในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เปรียบเสมือนรุ่งอรุณของอนาคตที่สดใส ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้นั่งอยู่หลังพวงมาลัยแห่งการเปลี่ยนแปลง” เธอกล่าวกับสำนักข่าว Arab News
ผู้หญิงคนอื่นๆ ทั่วประเทศก็กำลังตื่นเต้นกับการได้ขับรถด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกเช่นกัน บางคนกล่าวว่าเธอจะได้ขับรถไปรับส่งลูกๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร บางคนตื้นตันกับอิสรภาพที่ไม่เคยรับมาก่อนในชีวิต ในขณะที่โลกโซเชียลมีเดียก็เฉลิมฉลองการปลดแอกครั้งนี้ด้วยการติดแฮชแท็ก #SaudiWomenCanDrive เพื่อแสดงออกถึงชัยชนะ
ทั้งนี้ กฎเกณฑ์และข้อบังคับต่างๆ ที่มีต่อผู้หญิงซาอุฯ มีแนวโน้มผ่อนคลายลง นับเป็นส่วนหนึ่งของแผนปฏิรูปประเทศ ‘วิสัยทัศน์ 2030’ ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารที่ต้องการปรับเปลี่ยนทิศทางในการพัฒนาประเทศให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น
การปฏิรูปนี้ยังรวมถึงการอนุญาตให้ผู้หญิงซาอุฯ สามารถเข้าชมสนามกีฬาได้ เปิดโอกาสให้ผู้หญิงสามารถเข้าทำงานในกองทัพได้ และอนุญาตให้ธุรกิจโรงภาพยนตร์กลับมาเปิดกิจการได้อีกครั้งในรอบ 35 ปี
ซาอุดีอาระเบียกำลังพลิกโฉมหน้าไปสู่ยุคใหม่ที่เราอาจจะไม่คุ้นตา อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายเป็นกังวลว่าการพลิกโฉมให้มีความทันสมัยนี้อาจก่อให้เกิดแรงปะทะกับนักการศาสนาและกลุ่มอนุรักษนิยมภายในประเทศ ซึ่งจะสร้างแรงกระเพื่อมให้กับตะวันออกกลางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อ้างอิง: