วันนี้ (21 กุมภาพันธ์) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ความร่วมมือในสาขาด้านการท่องเที่ยวระหว่างไทยและซาอุดีอาระเบียมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม หลังกรณีสายการบิน Saudi Arabian Airlines ประกาศเตรียมเปิดเที่ยวบินปฐมฤกษ์ บินตรงจากซาอุดีอาระเบีย-ไทย ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565
ธนกรกล่าวว่า การเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ถือเป็นการประสานความสัมพันธ์ไทยและซาอุดีอาระเบียครั้งประวัติศาสตร์ ส่งผลให้เกิดโอกาสของความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศตามมามากมาย ทั้งด้านการค้า การลงทุน แรงงาน และล่าสุดด้านการท่องเที่ยว ที่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมภายหลังจากสายการบิน Saudi Arabian Airlines: Saudia พร้อมเปิดเที่ยวบินตรงสู่ไทย เป็นการตอกย้ำความสำเร็จ ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายอย่างรอบด้านของนายกรัฐมนตรีที่สั่งการให้รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการทันทีให้คืบหน้า จัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือ และประสานงานอย่างใกล้ชิด เพื่อเดินหน้าความสัมพันธ์ และความร่วมมือทวิภาคีให้เป็นผลและเกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ธนกรกล่าวเพิ่มเติมว่า จากการสั่งการของนายกรัฐมนตรี ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องขานรับร่วมมือผลักดันการทำงาน โดยในวันที่ 26-27 กุมภาพันธ์นี้ กระทรวงการต่างประเทศจะนำคณะหอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนไปซาอุดีอาระเบีย และทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้วางแผนนำผู้ประกอบการภาคเอกชนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเดินทางไปซาอุดีอาระเบียช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทย ซึ่งคาดว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวซาอุดีอาระเบียมาไทยให้ได้ถึง 2 แสนคน สร้างรายได้ประมาณ 20,000 ล้านบาท ในปี 2565 นี้
นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ อยู่ระหว่างการจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย กับกระทรวงท่องเที่ยวของซาอุดีอาระเบีย เพื่อส่งเสริมการทำตลาดท่องเที่ยวแบบสองทาง พร้อมส่งเสริมให้ผู้แสวงบุญชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวได้หลังประกอบพิธีแสวงบุญ ทั้งพิธีฮัจญ์ และพิธีอุมเราะห์ รวมถึงการขยายเวลาพำนักในซาอุดีอาระเบีย ให้แก่คนไทยที่ได้วีซ่าแสวงบุญ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการส่งร่าง MOU ไปให้ทางซาอุดีอาระเบียพิจารณา
“ผลสำเร็จของการเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างไทยและซาอุ นอกจากจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายมากขึ้น ยังเป็นการสร้างมิติทางความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้น และยังจะสร้างผลประโยชน์ และโอกาสต่อยอดด้านการท่องเที่ยวให้แก่ประเทศไทยอีกมาก โดยชาวซาอุที่เดินทางมาท่องเที่ยวไทยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง และเป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญตามนโยบายที่ไทยผลักดัน Medical Hub และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Thailand Wellness ตอบรับแนวทางการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน สิ่งเหล่านี้จะพัฒนาการท่องเที่ยวไทย และสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยวของไทยมากขึ้นในอนาคต” ธนกรกล่าว