เศรษฐกิจซาอุดีอาระเบียเติบโตเร็วที่สุดในรอบ 10 ปี โดยมีสาเหตุจากความสามารถในการผลิตและส่งออกน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เพื่อชดเชยปริมาณน้ำมันของรัสเซียที่หายไปจากตลาดเพราะมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
ข้อมูลอย่างเป็นทางการแสดงให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของซาอุดีอาระเบียเติบโต 9.9% ในไตรมาสแรก เร็วที่สุดในรอบทศวรรษ และมากกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้วที่ 9.6%
โมนิกา มาลิก (Monica Malik) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Abu Dhabi Commercial Bank กล่าวว่า การขยายตัวของ GDP ดังกล่าวเป็นการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2011 โดยการผลิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งข้อมูลจากหน่วยงานด้านสถิติพบว่า การเติบโตครั้งนี้เกิดจากกิจกรรมน้ำมันที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 20.3%
ขณะเดียวกันการเติบโตของ GDP สูงกว่าไตรมาส 4 ที่ 2.6% ในขณะที่กิจกรรมน้ำมันเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ขณะที่กิจกรรมปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติมีส่วนสนับสนุนสูงสุดต่อ GDP ที่ 32.4%
ด้านกิจกรรมที่ไม่ใช่น้ำมันเพิ่มขึ้น 3.7% ในอัตรารายปี หรือราว 0.9% จากไตรมาสก่อน ส่วนกิจกรรมของรัฐบาลเพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ลดลง 0.9% จากไตรมาสที่ 4
สำนักงานสถิติซาอุดีอาระเบียระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดมีอัตราการเติบโตเป็นบวกต่อปีในไตรมาสแรกของปี 2022 โดยการขายส่งและการขายปลีก กิจกรรมร้านอาหารและโรงแรม ขยายตัว 6.3% จากปีก่อนหน้า ขณะที่การส่งออกขยายตัว 22.1% และ GDP ต่อหัวขยับขึ้นมาอยู่ที่ 26,961 ริยัลซาอุดีอาระเบียในไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้น 33.8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
มาลิกกล่าวว่า “ข้อมูลพื้นฐานยังคงชี้ให้เห็นถึงการขยายตัวที่ดีของภาคธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน” แต่โดยรวมแล้วซาอุดีอาระเบียอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งมาก อานิสงส์จากกำลังการผลิตน้ำมันทั่วโลกที่จำกัดและราคาน้ำมันที่สูง
ทั้งนี้ซาอุดีอาระเบียและกลุ่ม OPEC+ ต่างตกลงที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เพื่อชดเชยการสูญเสียจากฝั่งรัสเซีย อันเป็นผลมาจากการคว่ำบาตรทางตะวันตกกรณีบุกรุกยูเครน ที่รัสเซียระบุว่าเป็น ‘ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ’
ขณะที่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับเพิ่มแนวโน้มคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของซาอุดีอาระเบียปีนี้ว่าจะอยู่ที่ 7.6% เพราะได้แรงหนุนจากผลผลิตและราคาน้ำมันที่ขยับสูงขึ้นจากปีที่แล้ว 3.2%
รายงานการเติบโตอย่างรวดเร็วของประเทศซาอุดีอาระเบียมีขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่สถานการณ์ของหุ้นบริษัทด้านพลังงานในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเคลื่อนไหวไปในทิศทางบวก และได้รับแรงซื้อจากบรรดานักลงทุนที่กำลังมองหาโอกาสลงทุนท่ามกลางความไม่แน่นอนในปัจจุบัน
สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า หุ้นของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง ExxonMobil กำลังฟื้นกลับคืนมายืนหยัดอยู่ในตลาดได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง หลังจากที่หลายปีก่อนหน้าโดนบรรดานักลงทุนเมินเฉย เพราะเกรงว่ากระแสโลกร้อนจะบั่นทอนรายได้และผลกำไรของบริษัท
ทั้งนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (7 มิถุนายน) หุ้นของ Exxon พุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่ขยับพุ่งสูงเสียดฟ้า ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้หุ้นของ Exxon ขยับเพิ่มขึ้นเกือบ 70% สวนทางกับความเคลื่อนไหวของดัชนี S&P 500 ที่ร่วงลงไปแล้วเกือบ 13%
ออสวาล์ด คลินต์ (Oswald Clint) นักวิเคราะห์จาก Bernstein กล่าวว่า หากยังคงต้องอยู่ในยุคที่ราคาน้ำมันขยับขึ้นแทบจะรายวัน นักลงทุนย่อมหาทางโกยกำไรจากหุ้นบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดและมีมูลค่ามากที่สุดในตลาดโภคภัณฑ์
ย้อนกลับไปในช่วงปี 2013 หุ้นของ Exxon ในเวลานั้นอยู่ในสถานะที่ไม่อาจแตะต้องได้ ด้วยสถานะบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก กระนั้นด้วยแนวทางการบริหารและการตัดสินใจทางธุรกิจที่ผิดพลาดหลายครั้ง บวกกับความนิยมในหินน้ำมัน หรือ Oil Shale ทำให้นักลงทุนหมดความสนใจใน Exxon โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมีรายงานว่าบริษัทมีหนี้มหาศาลที่ต้องแบกรับ จนในที่สุดในปี 2020 หุ้นของ Exxon ก็โดนเตะโด่งออกมาจาก Dow Jones Industrial Average ปิดฉาก 92 ปีของ Exxon ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดัชนีพิเศษนี้
นักวิเคราะห์รายหนี่งจากสถาบันวิจัย CFRA แสดงความเห็นในเวลานั้นว่า นักลงทุนทั่วโลกต่างรับรู้ว่าภาคพลังงานไม่อาจเฟื่องฟูได้ดังเดิมอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นก็เกิดวิกฤตไวรัสโควิดระบาดครั้งใหญ่ ซึ่งช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ ส่งผลให้ความต้องการบริโภคน้ำมันกลับมาพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง จนเกิดความตึงเครียดในส่วนอุปทานน้ำมัน ดันให้ราคาพลังงานแพงขึ้น และยังมีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อชาติตะวันตกตัดสินใจคว่ำบาตรน้ำมันรัสเซีย
บรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่าสถานการณ์ข้างต้นกลายเป็นประโยชน์อย่างมากต่อบริษัทน้ำมันอย่าง Exxon ที่ฟันกำไรในไตรมาสแรกของปีนี้ถึง 5.5 พันล้านดอลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 เท่าตัว
เหล่านักกลยุทธ์ของ J.P. Morgan ระบุว่า Exxon และบริษัทด้านพลังงานชั้นนำทั่วโลกกำลังเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่หาได้ยาก ที่ธุรกิจต่างมีความต้องการซัพพลายและดีมานด์ในปริมาณสูง ขณะที่ Goldman Sachs ประเมินว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกมีแนวโน้มจะขยับเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยคาดว่าราคาน้ำมันมีสิทธิ์แตะ 140 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม เพิ่มขึ้นจากการประมาณการครั้งก่อนว่าจะอยู่ที่ 125 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้บรรดาเทรดเดอร์ทั้งหลายที่ไล่ตามผลตอบแทนในตลาดที่คาดเดาไม่ได้กำลังพบกับความน่าสนใจในภาคพลังงาน หลังบริษัทน้ำมันและก๊าซของสหรัฐฯ เหล่านี้ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของราคาในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามในระยะยาวบริษัทที่ผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล เนื่องจากบรรดารัฐบาลในประเทศต่างๆ ต่างพยายามดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีรายงานว่า Exxon เองก็กำลังปรับทิศทางและแนวทางการดำเนินงานที่จะเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
อ้างอิง:
- https://www.aljazeera.com/economy/2022/6/7/saudi-economy-sees-fastest-growth-in-decade-on-higher-oil-output
- https://edition.cnn.com/2022/06/08/investing/premarket-stocks-trading/index.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP