วันนี้ (3 กุมภาพันธ์) นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ตั้งกระทู้ถามเรื่องมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งเริ่มต้นที่เมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และองค์การอนามัยโลกประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินสาธารณสุขทั่วโลก โดยสถานการณ์ล่าสุดไทยมีผู้ป่วย 19 ราย จากตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งหมด 17,205 ราย เสียชีวิต 361 ราย มี 1 รายเสียชีวิตนอกประเทศ
ซึ่งเน้นไปที่การถามถึงมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือกับไวรัสโคโรนาว่าสิ่งที่มีอยู่เพียงพอกับสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงการวางแผนรองรับหากเกิดการระบาดหนัก เช่น เตรียมความพร้อมสถานพยาบาล การตรวจคัดกรองผู้ป่วยนอก และฝากข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องในการสร้างความเชื่อมั่นและช่วยเหลือชาวจีนในยามที่เกิดความยากลำบาก รวมถึงการจัดสรรงบประมาณแก่โรงพยาบาลสำหรับบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์โดยเฉพาะด้วย
โดยทาง สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขึ้นชี้แจงถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่าบุคลากรทางการแพทย์ระบาดวิทยา ทีมงานของกระทรวงสาธารณสุข มีประสบการณ์ต่อสู้กับโรคระบาดคือ โรคซาร์ส โรคเมอร์ส และไข้หวัดใหญ่จนเป็นที่ยอมรับ ส่วนไวรัสโคโรนาได้วางมาตรการรับมือตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2563 ใน 3 มาตรการ ประกอบด้วย
- มาตรการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศใน 6 ท่าอากาศยานคือ สุวรรณภูมิ, ดอนเมือง, เชียงใหม่, ภูเก็ต, กระบี่ และเชียงราย ตลอด 24 ชั่วโมง
- สถานพยาบาลคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการไข้สูง ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล หายใจเหนื่อยหอบ และหายใจลำบาก โดยแยกผู้ป่วยที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง
- มาตรการในชุมชน การให้ความรู้ความเข้าใจและแนวทางป้องกันตนเอง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้อบรมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เพื่อนำข้อมูลส่งต่อในชุมชน กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และใส่หน้ากากเมื่อต้องเดินทางไปในที่ชุมชน ส่วนความกังวลที่คนไข้จะแพร่เชื้อในระยะฟักตัวนั้น กระทรวงสาธารณสุขวางมาตรการแยกผู้ติดเชื้อในสถานพยาบาล ติดตามผู้สัมผัสและมีความเสี่ยงสูง เช่น คนในครอบครัว หรือผู้ใกล้ชิด
“ในวันนี้จะมีการประชุมร่วมกับกรมการแพทย์ โรงพยาบาลในสังกัดกรมการแพทย์ โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพื่อประสานความร่วมมือจัดตั้งคลินิกสำหรับโรคประเภทนี้โดยเฉพาะในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งถือเป็นการควบคุมการแพร่กระจายเชื้อ” สาธิตกล่าว
นอกจากนี้เรื่องหน้ากากอนามัยขาดตลาด จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเรียกประชุมเพื่อใช้มาตรการสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการไม่ให้เกิดปัญหาหน้ากากอนามัยขาดตลาด
ขณะที่ประเด็นข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ดำเนินการสิ่งเหล่านี้อยู่อย่างต่อเนื่อง พร้อมระบุว่าขณะนี้ได้ทำแผนของบกลางฉุกเฉินเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อใช้เป็นค่าโอทีสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ และขอยืนยันว่าไทยได้รับความเชื่อถือ เชื่อมั่น และมั่นใจจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลกว่าจะสามารถดำเนินการควบคุมไวรัสโคโรนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
