เซียนฮง ขยับพอร์ตอีกรอบ รุกถือหุ้น TTA ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 ขณะที่ราคาหุ้นเดือนมีนาคมพุ่งเฉียด 80%

หลังสร้างปรากฏการณ์ช็อกวงการตลาดทุนไทยไปได้ไม่นาน สำหรับ เซียนฮง หรือ สถาพร งามเรืองพงศ์ ที่ทุ่มเงินกว่า 7.7 พันล้านบาท เข้าซื้อหุ้น บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) จนขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ของ OR ด้วยจำนวนหุ้นกว่า 244.29 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.04% แซงหน้ากองทุนระดับโลกอย่าง GIC Private จากสิงคโปร์

ล่าสุด เซียนฮงขยับพอร์ตการลงทุนอีกครั้ง ด้วยการเข้าซื้อหุ้น บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) จนขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 โดยจากการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2564 พบว่า เซียนฮงเข้าถือหุ้น TTA รวม 70.74 ล้านหุ้น หรือ 3.88% คิดเป็นมูลค่าราว 912.57 ล้านบาท โดยเทียบจากราคาปิดของหุ้น TTA วานนี้ (31 มีนาคม) ซึ่งปิดตลาดที่ 12.90 บาท

บทความที่เกี่ยวข้อง

• อัปเดต 7 หุ้น พอร์ต เซียนฮง สถาพร งามเรืองพงศ์ มูลค่า 6.14 พันล้านบาท
• ส่องพอร์ตหุ้น เสี่ยปู่ สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล มูลค่า 3,257 ล้านบาท พบถือ 2 หลักทรัพย์ร่วมกับ ‘เซียนฮง’
• 8 หุ้นเนื้อทอง เซียนหุ้น รุมตอม ร่วมลงทุนติดอันดับผู้ถือหุ้นใหญ่

ไม่มีใครรู้ว่าเซียนฮงเข้าลงทุนในหุ้น TTA ตั้งแต่เมื่อไร แต่หากย้อนดูการปิดสมุดทะเบียนของหุ้น TTA ครั้งก่อนหน้า คือวันที่ 25 มิถุนายน 2563 ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีรายชื่อเซียนฮงปรากฏเป็นหนึ่งในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ จึงสันนิษฐานได้ว่า เซียนฮงได้เข้าซื้อหุ้น TTA ในช่วงเวลาไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง

สำหรับหุ้น TTA ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่ปรับขึ้นร้อนแรงตลอดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยราคาขยับขึ้นจากระดับ 7.25 บาท ซึ่งเป็นราคาปิด ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2564 มาปิดตลาดที่ระดับ 12.90 บาทวานนี้ หรือปรับขึ้นมาราว 5.65 บาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 77.93%

อย่างไรก็ตาม หากนับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น TTA ปรับขึ้นมาแล้วราว 128.31% หรือปรับขึ้นมาจากระดับ 5.65 บาท ซึ่งเป็นราคาปิด ณ สิ้นปีที่ผ่านมา และถ้าย้อนไปดูตั้งแต่การปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในครั้งก่อนหน้า (25 มิถุนายน 2563) ราคาหุ้น TTA ปรับขึ้นมาแล้วราว 290.8% โดยขึ้นมาจากระดับ 3.30 บาท 

การเข้าถือหุ้น TTA ในครั้งนี้ส่งผลให้เซียนฮงมีหุ้นในพอร์ตเพิ่มเป็น 7 บริษัท คิดเป็นมูลค่ารวม 11,759 ล้านบาท (ใช้ราคาหุ้น ณ วันที่ 31 มีนาคม 2564) ประกอบด้วย

1. บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) จำนวน 244,298,900 หุ้น ราคาหุ้นละ 32.25 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 7,878.63 ล้านบาท

2. บมจ.โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล (KISS) จำนวน 6,305,300 หุ้น ราคาหุ้นละ 15.20 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 95.84 ล้านบาท

3. บมจ.ไมโครลิสซิ่ง (MICRO) จำนวน 45,252,800 หุ้น ราคาหุ้นละ 9.15 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 411.80 ล้านบาท

4. บมจ.โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ (NOBLE) จำนวน 44,958,600 หุ้น ราคาหุ้นละ 8.50 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 414.06 ล้านบาท

5. บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) จำนวน 17,838,400 หุ้น ราคาหุ้นละ 41.25 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 735.83 ล้านบาท

6. บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) จำนวน 29,463,100 หุ้น ราคาหุ้นละ 44.50 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 1,311.10 ล้านบาท

7. บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) จำนวน 70,741,900 หุ้น ราคาหุ้นละ 12.90 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 912.57 ล้านบาท 

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://thestandard.co/sathaporn-spends-7-billion-invest-in-or-shares/ 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล