สหรัฐฯ ประกาศความสำเร็จในการโจมตีทุกเป้าหมายในซีเรียเมื่อวานนี้ (14 เมษายน) ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำเตือนว่าสหรัฐฯ จะทำการโจมตีอีกครั้ง หากพบว่าประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดใช้อาวุธเคมีกับพลเรือนอีก
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า ขีปนาวุธของสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรสามารถทำลายทุกเป้าหมายทั้งศูนย์วิจัยและคลังอาวุธเคมีในกรุงดามัสกัสและจังหวัดฮอมส์ได้อย่างแม่นยำ อย่างไรก็ตาม ซีเรียอ้างว่าสถานที่บางแห่งไม่ได้รับความเสียหาย ขณะที่รัสเซียระบุว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียสามารถสกัดกั้นจรวดร่อนและอาวุธนำวิถีของสหรัฐฯ ได้ 71 ลูกจากทั้งหมด 103 ลูก
ด้านประธานาธิบดีทรัมป์ได้ทวีตข้อความยกย่องปฏิบัติการครั้งนี้ว่าเป็นการโจมตีที่สมบูรณ์แบบ พร้อมกล่าวขอบคุณฝรั่งเศสและสหราชอาณาจักรที่ให้ความร่วมมือ โดยระบุว่า “ไม่มีผลลัพธ์ใดจะดีไปกว่านี้ ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี”
อย่างไรก็ตามบรรยากาศในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเมื่อวานนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียด โดยนิกกิ ฮาร์เลย์ ผู้แทนสหรัฐฯ ประจำยูเอ็นได้นำสาสน์จากทรัมป์มาประกาศในที่ประชุมว่า สหรัฐฯ จะโหลดอาวุธเพื่อเตรียมโจมตีซีเรียอีกครั้ง หากประธานาธิบดีอัสซาดยังสั่งให้กองทัพใช้แก๊สพิษโจมตีฝ่ายกบฏหรือพลเรือนอีก
ขณะที่วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำยูเอ็นได้อ่านคำแถลงของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน โดยมีใจความว่า รัสเซียขอประณามการกระทำของสหรัฐฯ และพันธมิตรที่ส่อไปในทางเหยียดหยาม เนื่องจากพวกเขากระทำโดยพลการ และไม่ยอมรอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมีในซีเรียก่อน
นอกจากนี้ทูตรัสเซียยังกล่าวโจมตีสหรัฐฯ ฝรั่งเศส และอังกฤษว่าเป็นอันธพาลที่ไม่แยแสต่อกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน
ทั้งนี้ทั่วโลกต่างจับตาการตรวจสอบขององค์การห้ามอาวุธเคมี (OPCW) ในซีเรีย เนื่องจากมีหลายฝ่ายตั้งคำถามว่ารัฐบาลซีเรียได้ใช้อาวุธเคมีจริงหรือไม่ ในเมื่อทหารของอัสซาดกำลังได้เปรียบ ขณะที่ฝ่ายกบฏกำลังเพลี่ยงพล้ำและถอยร่นมาตั้งมั่นในเมืองดูมา ซึ่งเป็นที่มั่นสุดท้าย นอกจากนี้ยังมีคนเคลือบแคลงและตั้งคำถามด้วยว่า ภาพวิดีโอของเหยื่อแก๊สพิษที่เผยแพร่โดยองค์กร White Helmets เป็นคลิปจริงหรือไม่
ล่าสุดคณะตรวจสอบของ OPCW ได้เดินทางไปถึงกรุงดามัสกัสแล้ว โดยคาดว่าจะลงพื้นที่ตรวจสอบร่องรอยของอาวุธเคมีในเมืองดูมาภายในวันนี้
อ้างอิง: