×

‘สารัชถ์’ เผย ลงทุนแสนล้านช่วง 3 ปีข้างหน้า ส่วนใหญ่ยังใช้ขยายธุรกิจพลังงาน

03.10.2024
  • LOADING...
สารัชถ์

‘สารัชถ์’ เผย ใช้งบลงทุนระดับแสนล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า ส่วนใหญ่ยังใช้สำหรับขยายธุรกิจพลังงาน แต่ในอนาคตภายหลังการควบรวมกับ ‘อินทัช’ สัดส่วนรายได้จากพลังงานอาจจะค่อยๆ ลดลงจาก 80% มาเหลือ 50-60%

 

จากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 ของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ในวันนี้ (3 ตุลาคม) ซึ่งผู้ถือหุ้นได้อนุมัติควบรวมบริษัทระหว่าง GULF และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH

 

ภายหลังการประชุม สารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GULF เปิดเผยว่า หากการควบรวมกับอินทัชแล้วเสร็จ จะทำให้บริษัทใหม่ (NewCo) เป็นบริษัทโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Company) ที่แข็งแกร่ง ประกอบด้วยธุรกิจพลังงาน, สื่อสาร, Data Center และท่าเรือ

 

อย่างไรก็ดี สัดส่วนรายได้หลักของ NewCo จะยังคงเป็นพลังงานประมาณ 80% แต่สัดส่วนรายได้ดังกล่าวจะค่อยๆ ลดลงมาเหลือประมาณ 50-60% จากการเพิ่มขึ้นของธุรกิจสื่อสารที่เข้ามาผ่าน AIS

 

โดยการลงทุนในช่วง 3 ปีข้างหน้า GULF จะยังต้องลงทุนต่อเนื่องในระดับแสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะยังเป็นธุรกิจพลังงาน จากปัจจุบันที่บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วกว่า 1.4 หมื่นเมกะวัตต์

 

ส่วนธุรกิจคลาวด์จะเริ่มเห็นความชัดเจนในช่วงต้นปี 2568 ขณะที่ Data Center จะขยายเพิ่มจากราว 40 เมกะวัตต์ในปัจจุบัน คาดว่าจะเพิ่มเป็น 100 เมกะวัตต์

 

ส่วนประเด็นการทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM บริษัทได้รับการเสนอวงเงินกู้จากสถาบันการเงินราว 4 แสนล้านบาท เพื่อรองรับธุรกรรมดังกล่าว

 

อย่างไรก็ตาม สารัชถ์เชื่อว่าอาจจะไม่มีผู้ถือหุ้น ADVANC และ THCOM นำหุ้นมาขายให้กับบริษัทใหม่ เพราะราคาตลาดของ ADVANC และ​ THCOM ในปัจจุบันสูงกว่าราคารับซื้อ

 

สารัชถ์มองว่า “แม้วงเงินดังกล่าวอาจจะไม่ได้ใช้ แต่เป็นการสะท้อนว่าบริษัทมีความสามารถในการกู้ค่อนข้างมาก”​

 

ด้าน ยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF กล่าวว่า การควบรวมระหว่าง GULF และ INTUCH จะช่วยลดความซ้ำซ้อนในการถือหุ้น และช่วยให้การทำงานคล่องตัวขึ้น ที่สำคัญคือจะทำให้ฐานะการเงินของบริษัทใหม่แข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะกระแสเงินสดหรือแม้แต่เงินปันผลที่อาจจะเพิ่มขึ้น

 

“อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่ม ทำให้ต้นทุนการเงินในอนาคตมีโอกาสลดลงไปอีก และบริษัทใหม่จะวางตัวเองเป็น Growth Stock ไม่ใช่ Dividend Stock” ยุพาพินกล่าว

 

ทั้งนี้ การควบรวมคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2568 และคาดว่าหุ้นใหม่ที่เกิดจากการควบรวมน่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยช่วงต้นเดือนเมษายน 2568

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising