วันนี้ (26 สิงหาคม) สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำงบประมาณ พ.ศ. 2564 เปิดเผยว่า วาระเรื่องเรือดำน้ำในวันนี้เลื่อนการพิจารณาไปอีก 2-3 วัน เพื่อให้เกิดความรอบคอบและให้ได้คำตอบกับทุกส่วน ทั้งส่วนความมั่นคงและส่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ
ส่วนการยกเลิกเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะการซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำนี้ผ่าน ครม. ไปแล้ว และสภาได้อนุมัติให้ไปดำเนินการแล้ว แต่เนื่องจากนายกรัฐมนตรีร้องขอในช่วงโควิด-19 กองทัพเรือจึงได้ให้เงินที่ได้รับอนุมัติไปแล้วกลับมาช่วยในเรื่องโควิด-19
ทั้งนี้เรือดำนำ้มีการอนุมัติการจัดซื้อไปแล้วในปีงบประมาณ 2563 อยู่ที่กองทัพเรือจะจัดเวลาไปเซ็นสัญญาเท่านั้นเอง ความจริงต้องเซ็นไปตั้งแต่ต้นปีแล้วช่วงได้รับงบประมาณ แต่ขณะนั้นรัฐบาลได้ขอร้องกองทัพเรือว่า ในขณะที่เกิดโควิด-19 ไม่รู้สถานการณ์จะเป็นอย่างไร จึงขอให้แต่ละส่วนราชการนำเงินที่พอจะชะลอได้ส่งกลับมาให้รัฐบาล กองทัพเรือด้วยความเห็นแก่บ้านเมือง จึงได้นำเงินส่วนนี้กลับมาให้รัฐบาลก่อน แล้วเราก็จะจัดให้ในปีนี้ เพื่อให้เขาไปเซ็นสัญญา และทราบว่าในเดือนกันยายนต้องไปเซ็นสัญญากัน
เมื่อถามว่ามีโอกาสที่จะเลื่อนการเซ็นสัญญาในเดือนกันยายนออกไปได้อีกหรือไม่นั้น
สันติกล่าวว่า ต้องขอดูข้อกฎหมายก่อนว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะทุกอย่างจริงๆ จบไปแล้ว เพียงแต่ว่ากองทัพเรือได้ส่งเงินก้อนนั้นมาให้รัฐบาลหมุนก่อนเท่านั้นเอง แต่ถ้าจากนั้นเขาไม่ได้เงิน มันจะมีปัญหาหรือกฎหมายจะเอื้ออำนวยให้หรือไม่ อย่างไร
เมื่อถามต่อว่าถ้ายังไม่จ่ายเงินเรือดำน้ำ 3 พันกว่าล้านบาทในช่วงนี้แล้วเงินก้อนนี้จะไปไหนต่อไป
สันติกล่าวว่า เงินก้อนนี้ประมาณ 3 พันกว่าล้านบาท เป็นเงินตามกฎหมายที่ได้อนุมัติไปแล้วในปีงบประมาณ 2563 ถ้าจะโยกเงินหรือดำเนินการอย่างไร ต้องดูกฎหมายให้รอบคอบ
อย่างไรก็ตาม ถ้าบอกว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อนั้นมันเลยเวลาไปแล้ว เพราะกฎหมายอนุมัติไปแล้ว แต่การซื้อเรือดำนำ้ต้องบอกว่ามีความจำเป็น เพราะประเทศเพื่อนบ้านเรามีหมด และเราเป็นประเทศชั้นนำในอาเซียน และในเรื่องของความคุ้มค่า กรรมาธิการก็เห็นว่าจำเป็น และต้องใช้เวลาหลายปีในการสร้างเรือดำน้ำและทยอยจ่ายเงิน
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า