×

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท สันธนะหมิ่นประมาทโรงแรม ‘ชูวิทย์’ มั่วสุมยาเสพติด ยกฟ้องฐานแจ้งความเท็จ

โดย THE STANDARD TEAM
10.07.2024
  • LOADING...

วันนี้ (10 กรกฎาคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดำ อ.2892/2565 ที่บริษัท ต้นตระกูล จำกัด โดย ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เป็นโจทก์ฟ้อง สันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล เป็นจำเลยในความผิดฐานแจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 100 ล้านบาท

 

กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2565 ต่อเนื่องกัน จำเลยได้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ และสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาล (สน.) ทองหล่อ ลักษณะว่าที่ชั้นล็อบบี้สถานบริการ The Lobby x Chuweed ภายในโรงแรม Davis Hotel Corner Wing ย่านซอยสุขุมวิท 24 กรุงเทพฯ ซึ่งมีบริษัท ต้นตระกูล จำกัด เป็นเจ้าของและบริหารงาน

 

มีกลุ่มวัยรุ่นชายหญิงจำนวนประมาณ 100 คน เข้ามามั่วสุมเสพยาเสพติดในห้องน้ำชาย และเปิดบริการเกินเวลาที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้จำเลยยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลายแขนง ซึ่งล้วนเป็นเท็จ สร้างความเสียหายและเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่โจทก์

 

จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิด และชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน 100 ล้านบาทด้วย และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาและคำขอโทษผ่านสื่อทีวี หนังสือพิมพ์ เป็นเวลา 7 วันด้วย

 

ศาลพิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าวันเวลาสถานที่เกิดเหตุมีการจัดปาร์ตี้ มีการดื่มแอลกอฮอล์ และมีวัยรุ่นเข้าไปในห้องน้ำชายจำนวน 3-5 คน มีพยานเป็นสายลับจากฝั่งจำเลยเข้าร่วม และได้ถ่ายรูปบรรยากาศในงาน ถ่ายคลิปในห้องน้ำจริง แต่ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าพยานที่เป็นบุคคลในคลิประบุว่า ในวันดังกล่าวห้องน้ำผู้หญิงเต็มและแฟนผู้ชายมีอาการเมาจนอยากอาเจียน ทางฝ่ายหญิงจึงได้เดินตามไปเพื่อเข้าห้องน้ำและดูแลแฟนหนุ่ม

 

จากนั้นสายลับได้พบเห็นว่ามีการเข้าห้องน้ำอย่างผิดสังเกตจึงตามเข้าไปถ่ายคลิป เห็นวัยรุ่นผู้หญิงเดินออกมาใช้มือปัดตรงบริเวณปลายจมูก เมื่อกลุ่มวัยรุ่นออกจากห้องน้ำและเข้าไปตรวจสอบในห้องน้ำดังกล่าวพบถุงพลาสติกขนาดเล็ก เชื่อได้ว่าเป็นการมั่วสุมเสพยาเสพติด จึงนำคลิปดังกล่าวนำส่งให้จำเลยเพื่อแจ้งความกับ สน.ทองหล่อ

 

ต่อมาตำรวจจึงรีบมาตรวจในทันที แต่ไม่มีการเสพยาและไม่เป็นการเปิดเกินเวลา เมื่อตรวจปัสสาวะไม่พบสารเสพติด คดีนี้จึงเจือสมกับพยานหลักฐานที่จำเลยได้รับมาและเชื่อว่าเป็นการกระทำผิด กรณีนี้จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการแจ้งความเท็จหรือกลั่นแกล้งให้รับโทษ เพราะจำเลยได้นำข้อเท็จจริงที่รู้เห็นมาแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

ส่วนหลักฐานภาพถ่ายในงานปาร์ตี้และคลิปจากในห้องน้ำที่สายลับให้มาไม่ได้มีการปรับแต่ง เป็นการถ่ายจากสถานที่จริง มีบุคคลอยู่จริง เหตุการณ์เกิดขึ้นจริง จึงไม่อาจรับฟังได้ว่าเป็นการทำหลักฐานเท็จ

 

ส่วนข้อหาหมิ่นประมาทนั้น หลังจากที่จำเลยได้แจ้งพนักงานสอบสวนเข้าตรวจสอบแล้วแต่ไม่พบการกระทำความผิด เมื่อพิจารณาจากรายละเอียดข่าวที่มีการนำเสนอเป็นเพียงการสรุปของนักข่าวว่าจำเลยได้ไปทำอะไรที่ไหนและผลเป็นอย่างไร แต่ในบางสำนักข่าวจำเลยได้ให้สัมภาษณ์ลงรายละเอียดว่าวัยรุ่นเขารู้กันหมดว่ามาที่นี่ไม่มีใครกล้าตรวจ เจ้าของโรงแรมเป็นสายแข็ง ทำให้คนเข้าใจว่ามีการกระทำผิดและเจ้าของโรงแรมรู้เห็นเป็นใจด้วย ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์หลังพนักงานสอบสวนเข้าไปตรวจสอบแล้วยังไม่พบการกระทำผิดกฎหมาย จำเลยควรต้องรอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าพนักงานที่เกี่ยวข้อง

 

แม้ว่าทางจำเลยจะไม่ได้เอ่ยชื่อเจ้าของโรงแรม แต่ก็ทำให้หลายคนเข้าใจได้ว่าหมายถึงโจทก์ อีกทั้งจำเลยรู้อยู่แล้วว่านักข่าวจะต้องนำเสนอข่าวสู่สาธารณะ ดังนั้นโจทก์ที่ 1-2 จึงเกิดความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เสื่อมเสียชื่อเสียง จำเลยจึงมีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา แม้ทางจำเลยจะอ้างว่าเป็นการให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ประชาชนและต้องการป้องปรามการค้าหรือเสพยาเสพติด แต่ก็ต้องพิสูจน์ว่าที่กล่าวหามานั้นเป็นเรื่องจริง แต่จนบัดนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับทางโรงแรมอีก หรือมีตำรวจพบการกระทำความผิด จึงไม่สามารถละเว้นโทษได้

 

ส่วนที่โจทก์ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยลงข้อความขอโทษและคำพิพากษาโฆษณาลงสื่อติดต่อกัน ศาลไม่มีอำนาจในการให้ขอโทษ แต่สามารถสั่งให้ลงโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อได้ 5 วันติดต่อกันด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลย 

 

ส่วนเงินทดแทนนั้น คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องอาญา ดังนั้นเมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่ามีการกระทำความผิดเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาให้โจทก์ 1-2 ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง เป็นการละเมิด แต่ทางโจทก์มิได้บรรยายว่าภายหลังจากที่จำเลยให้ข่าวแล้วเสียหายรายได้ไปเท่าใด ศาลจึงพิจารณาให้จำเลยชดใช้เงินทดแทนค่าเสียหายจำนวน 1 แสนบาท

 

พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามมาตรา 328 ให้จำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท แต่จำเลยไม่เคยต้องโทษมาก่อน เห็นควรให้โอกาสกลับตัวเป็นคนดี โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ให้ชดใช้ค่าเสียหายทางแพ่ง 1 แสนบาท และลงโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อกับสื่อไทยรัฐออนไลน์, ไทยรัฐทีวี, PPTV, ช่อง 8, Sanook และเนชั่นออนไลน์ 5 วันติดต่อกัน

 

ด้านสันธนะกล่าวภายหลังศาลมีคำพิพากษาว่า วันนี้ศาลยกฟ้องตนในความผิดฐานแจ้งความเท็จ แต่ให้ลงโทษในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา 1 ปี ซึ่งศาลเมตตารอลงอาญาไว้ 1 ปี เนื่องจากศาลเห็นว่าสิ่งที่ตนกระทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ ไม่ใช่เพื่อส่วนตัว โดยตนก็เตรียมที่จะนำเหตุผลตรงนี้สู้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป

 

ส่วนตัวกับชูวิทย์มีคดีฟ้องร้องกันหลายคดี ที่ตนฟ้องชูวิทย์ก็เป็นสิบคดี แต่ที่ผ่านมาชูวิทย์ขอเลื่อนคดีโดยให้เหตุผลว่าป่วย ก็ฝากถึงชูวิทย์ให้ดูแลสุขภาพให้ดี จะได้กลับมาสู้คดีกันในศาลอีก เพราะตนกับชูวิทย์ก็ถือเป็นคู่จิ้นกัน

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising