ไม่ใช่แค่ลูกค้ากลุ่ม Users ทั่วไป (B2C) เท่านั้นที่ Samsung ให้ความสำคัญในการพัฒนาสินค้าในกลุ่มสมาร์ทโฟนและบริการ เพราะลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กร Enterprise (B2B) ก็เป็นอีกหนึ่งในตลาดที่ช่วยสร้างรายได้และกำไรให้กับบริษัทเช่นกัน ซึ่งผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟนในประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเน้นการใช้งานที่ทนทาน มีฟีเจอร์ที่รอบด้าน ครบเครื่องเป็นหลัก
โดยกลุ่มธุรกิจส่วนใหญ่ที่เป็นลูกค้ากลุ่มองค์กรและใช้งานสมาร์ทโฟนกลุ่มแฟลกชิป Rugged Device ของ Samsung เช่น กลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (ใช้ในการเซ็นรับ-ส่งสินค้า หรือเข้าระบบต่างๆ), กลุ่มธุรกิจธนาคาร, กลุ่มธุรกิจคลังสินค้า ยิ่งภาคธุรกิจมีการทรานส์ฟอร์มสู่โลกดิจิทัล ใช้ระบบออนไลน์เชื่อมโยงข้อมูลสินค้าเข้าถึงกันมากแค่ไหน สมาร์ทโฟนประเภทนี้ก็ย่ิงมีบทบาทสำคัญในการใช้งานเพิ่มตามขึ้นไปอีกด้วย
สำหรับในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ที่ผ่านมา Samsung ประเทศไทย เผยว่า กลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรของ Samsung ประเทศไทยยังคงครองความเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดด้วยยอดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นถึง 15% เมื่อเทียบกับปี 2563 โดยเมื่อแบ่งตามประเภทผลิตภัณฑ์จะพบว่ายอดจำหน่ายส่วนใหญ่มาจากกลุ่ม Rugged Device ที่เพิ่มขึ้นถึง 65%
ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ Samsung ยังได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Rugged Device รุ่นล่าสุดอย่าง ‘Samsung Galaxy XCover 5’ ออกมาสู่ตลาด ชูจุดเด่นความสามารถในการทำงานได้ในทุกสภาพแวดล้อม ตอบโจทย์การทำงานแบบไฮบริดได้เป็นอย่างดี จากมาตรฐาน IP68 และ MIL-STD 810H (มาตรฐานการทดสอบออกแบบโดยกองทัพสหรัฐฯ), มาพร้อมจอแสดงผล HD+ ขนาดใหญ่ 5.3 นิ้ว เพื่อการรับชมที่คมชัดในทุกรายละเอียด รวมถึงยังไวต่อการสัมผัส ทำให้ถึงแม้เปียกเหงื่อก็สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก
นอกจากนี้ Samsung Galaxy XCover 5 ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ความจุ 3,000 mAh ที่ถอดเปลี่ยนได้ ทำให้ทำงานได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความปลอดภัยในระดับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จาก Samsung Knox เพื่อการปกป้องข้อมูลสำคัญจากมัลแวร์และการคุกคามที่เป็นอันตราย
ดร.มารุต มณีสถิตย์ ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า “จากเทรนด์ด้านการทำงานที่เปลี่ยนไป ทำให้บริษัทหลายแห่งได้ปรับรูปแบบองค์กรเพื่อรองรับการทำงานแบบไฮบริดมากขึ้น โดยกว่า 50% ขององค์กรในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงการจัดสรรงบประมาณใหม่เพื่อลงทุนในโมบายดีไวซ์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดกลุ่มธุรกิจลูกค้าองค์กรเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยจากผลการสำรวจของ IDC ในเอเชียแปซิฟิกคาดการณ์ว่าจำนวนพนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดจะพุ่งสูงถึง 25% หลังจากที่การฉีดวัคซีนดำเนินการเสร็จสิ้น ซึ่งเทียบจากเดิมที่มีเพียง 19% เท่านั้น
“อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของบริษัททำให้พบว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ลูกค้ากลุ่มธุรกิจองค์กรหลายรายเริ่มค้นพบว่าการเตรียมความพร้อมแค่ในเรื่องสมาร์ทดีไวซ์ที่ดีอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เพราะพวกเขายังต้องการดีไวซ์ที่มาพร้อมกับโซลูชันเพื่อให้สามารถใช้งานได้ในทันที ด้วยเหตุนี้ Samsung จึงได้ส่ง Galaxy Enterprise Edition กลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทดีไวซ์ล่าสุดที่มาพร้อมบริการด้านโซลูชัน
ทั้งนี้ Samsung ถือเป็นแบรนด์เดียวในประเทศไทยที่มีกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าองค์กรที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งกลุ่มสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น สมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิป Rugged Device รวมถึงแท็บเล็ต ซึ่งผลิตภัณฑ์ Rugged Device มีความโดดเด่นด้านความทนทาน รองรับการทำงานของธุรกิจค้าปลีก (Retail) โดยเฉพาะในส่วนงานบริหารจัดการคลังสินค้า, ธุรกิจธนาคาร (Banking FSI), ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ (Health Care) เช่น Wellness Center และ Telehealth, ธุรกิจขนส่ง (Logistics) และธุรกิจการศึกษา (Education)
ดังนั้นด้วยจุดเด่นดังกล่าว ทำให้ Samsung ประเทศไทยคาดว่าเมื่อจบปีนี้ พวกเขาจะสามารถพิชิตเป้าหมายการเติบโตที่ 20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาได้สำเร็จ
