ผลพวงความรุนแรงจากการระบาดของโควิด-19 ได้ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเราไปอย่างมหาศาล เป็นจุดเริ่มต้นของไลฟ์สไตล์รูปแบบที่ต่างออกไปภายใต้ความปกติใหม่ หรือที่เรียกกันว่า New Normal ซึ่งทำให้เกิดเทรนด์การใช้ชีวิตรูปแบบที่ต่างไปจากเดิม โดยสมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทั้งการช้อปปิ้งที่เน้นมาอยู่บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โลกออนไลน์ การจัดงานสัมมนา เสวนา ที่ต้องปรับฟอร์แมตไปสู่ Virtual Conference
หรือแม้แต่การเสพคอนเทนต์ความบันเทิง ที่เมื่อผู้จัดหรือค่ายเพลงไม่สามารถจัดงานแบบออฟไลน์ได้อีกแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบมาจัดคอนเสิร์ตแบบ Virtual Concert หรือ Virtual Fan Meeting เพื่อตอบสนองความต้องการของแฟนเพลงและแฟนคลับศิลปินในสภาวะสถานการณ์ที่เป็นอยู่
ดังนั้นการใช้ชีวิตในโลกยุคใหม่ New Normal จึงจำเป็นจะต้องมี ‘ดีไวซ์’ (Devices) หรืออุปกรณ์ตัวกลางอย่าง ‘สมาร์ทโฟน’ ที่สามารถตอบโจทย์ความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไปได้แบบทุกอณู ไม่ว่าจะในแง่ของศักยภาพตัวเครื่อง สเปกภายในที่จัดเต็ม
ที่สำคัญที่สุดในยุคนี้คือ ความสามารถในการรองรับเทคโนโลยี ‘5G’ ที่จะช่วยให้เราสามารถติดต่อสื่อสารถึงกันได้แบบไร้ปัญหาในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลกันแค่ไหน แถมยังรับชมคอนเทนต์ความบันเทิงทุกชนิด ไม่ว่าจะผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิงหรือแบบ Virtual ซึ่ง ณ วันนี้ไม่ใช่สมาร์ทโฟนทุกค่ายทุกแบรนด์ที่จะมีความสามารถในการรองรับ 5G ได้
การเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัดจาก ‘Galaxy S20 Ultra 5G’
ขึ้นชื่อว่าเป็นมือถือแฟลกชิปโมเดลเรือธง Galaxy S20 Ultra 5G ย่อมไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟนธรรมดาๆ ทั่วไปอยู่แล้ว แต่ความพิเศษของมันไม่ได้หยุดอยู่แค่การเป็นมรดกตกทอดความสุดยอดจากสมาร์ทโฟนตระกูล S เท่านั้น เพราะ Galaxy S20 Ultra 5G ยังมาพร้อมกับประสิทธิภาพที่เต็มเปี่ยมในรอบด้าน ตอบสนองการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ในทุกๆ รูปแบบ
โดยเฉพาะความสามารถในการรองรับการเชื่อมต่อสื่อสารแบบ 5G ซึ่งถือเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงไม่กี่รุ่นในท้องตลาด ณ ปัจจุบันที่พร้อมรองรับเทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบดังกล่าวได้แบบไร้ข้อจำกัด
นั่นหมายความว่าในช่วงรอยต่อที่ประเทศไทยกำลังจะเปลี่ยนผ่านโลกการสื่อสารจากยุค 4G ไปยัง 5G ในเร็ววันนี้ Galaxy S20 Ultra 5G ก็จะเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่พร้อมรองรับเทคโนโลยี 5G ทันที ไม่ต้องเสียเวลาหรือจ่ายเงินก้อนใหญ่อีกครั้งเพื่อซื้อสมาร์ทโฟนใหม่ที่รองรับ 5G ได้
จะฟังเพลง ดู Netflix หรือเล่นเกมทั้งวันก็ทำได้ หมดกังวลปัญหาแบตฯ หมดเร็ว
เพิ่มอรรถรสในการรับชมคอนเทนต์เพื่อความบันเทิงได้เต็มอิ่มมากขึ้นผ่านหน้าจอ Infinity-O Display Quad HD+ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.9 นิ้ว รวมถึงความสามารถในการแสดงผลสูงสุดที่ 16 ล้านสี จึงมั่นใจได้เลยว่าเราจะสามารถฟังเพลงหรือรับชมภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี กีฬา และเกมโชว์ที่ชื่นชอบผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่างๆ ได้อย่างจุใจ จากการร่วมมือกับพาร์ตเนอร์ระดับโลกอย่าง YouTube, Netflix และ Spotify เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ดีที่สุด
ยิ่งเมื่อบวกกับความสามารถในการรองรับเทคโนโลยี 5G จึงทำให้มันสามารถดาวน์โหลดวิดีโอที่ความละเอียดและคมชัดสูงสุดในระดับ 8K ที่มีขนาดไฟล์ใหญ่ในระยะเวลาที่รวดเร็วได้แบบสบายๆ ไม่ต้องมานั่งรอเป็นเวลานานๆ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ ความคมชัด 8K จะกลายเป็นมาตรฐานความคมชัดรูปแบบใหม่ในอุตสาหกรรมความบันเทิงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับคอนเทนต์แบบ 4K
แถมยังหมดปัญหากวนใจเรื่องแบตฯ หมดเร็ว ไม่ต้องมาค่อยนั่งชาร์จอยู่เรื่อยๆ ระหว่างทำงาน เล่นเกม ดูคอนเทนต์จากแพลตฟอร์มสตรีมมิง การสตรีมไลฟ์สดผ่านช่องทางต่างๆ หรือฟังเพลงบน Spotify ด้วยขนาดแบตเตอรี่ของตัวเครื่องที่ 5000 mAh ซึ่งพร้อมจะช่วยให้เราสามารถใช้ Galaxy S20 Ultra 5G ได้ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน
สำหรับเหล่าเกมเมอร์ที่ต้องการไต่แรงก์ Galaxy S20 Ultra 5G มาพร้อมกับซีพียู Octa-Core แรมและหน่วยความจำเริ่มต้นที่ 12GB และ 128GB ทำให้สามารถประมวลผลต่างๆ ได้ไหลลื่น อีกทั้งสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถรับชมคอนเทนต์หรือเล่นเกมในรูปแบบ VR (Virtual Reality) และ AR (Augmented Reality) ที่มีกราฟิกซับซ้อนได้ รวมถึงการสร้างตัวการ์ตูนสามมิติสุดเก๋ผ่านฟีเจอร์ AR Emoji แล้วส่งเป็นอีโมจิในอิริยาบถต่างๆ ให้กับเพื่อนๆ ได้อีกต่างหาก
ผู้ช่วยเพิ่มความโปรดักทีฟการทำงาน จะ Work from Home นานแค่ไหนก็ไม่เกี่ยง
ในทุกๆ ครั้งที่เราจำเป็นจะต้องทำงานนอกสถานที่ ประชุมทางไกลผ่าน Zoom, Microsoft Teams, Google Meet ฯลฯ ส่งหรือดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ๆ แล้วไม่สะดวกที่จะต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต Wi-Fi การที่ Galaxy S20 Ultra 5G รองรับ 5G ได้ ก็จะช่วยแก้ความกังวลใจและความไม่สะดวกในการทำงานให้จบลงได้ทันที รวมถึงยังสามารถจัดเก็บไฟล์ข้อมูลต่างๆ ได้แบบหนำใจ เพราะสามารถใส่หน่วยความจำภายนอก MicroSD ได้สูงสุดที่ 1TB
ขณะที่กล้องหลังของ Galaxy S20 Ultra 5G ที่มาพร้อมกับกล้อง 4 เลนส์ ได้แก่ เลนส์มุมกว้างแบบ Ultra Wide (12 ล้านพิกเซล), เลนส์ Tele (48 ล้านพิกเซล), DepthVision และเลนส์ Wide ที่ให้ความละเอียดสูงสุดที่ 108 ล้านพิกเซล ทั้งยังสามารถซูมด้วยเทคโนโลยีสเปซซูมได้สูงสุดที่ 100 เท่า โดยถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดระดับ 8K (จะ Snap ภาพจากวิดีโอก็ให้ความละเอียดที่คมชัดไม่แพ้กัน)
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของ Samsung ที่สามารถพัฒนาสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ของตัวเองให้ออกมารองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และนวัตกรรมต่างๆ ก่อนที่เทคโนโลยีเหล่านั้นจะเริ่มแพร่หลายในท้องตลาดได้เสมอ ไม่ว่าจะ 5G หรือคุณภาพความคมชัดของไฟล์วิดีโอแบบ 8K
นั่นจึงทำให้ผู้ใช้งานอย่างเรามั่นใจได้เลยว่า ทุกๆ เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ทาง Samsung พัฒนาออกมาจะเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดในท้องตลาดที่พร้อมจะรองรับการใช้งานและไลฟ์สไตล์ในโลกอนาคตอยู่เสมอ
สำหรับใครที่สนใจ Galaxy S20 Ultra 5G ตัวเครื่องมีให้เลือกด้วยกันทั้งหมด 3 สีคือ Cloud White, Cosmic Grey และ Cosmic Black สนนราคาจำหน่ายที่ 39,900 บาท โดยสามารศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/smartphones/galaxy-s20/
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า