ธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐ (SFI) ให้ความสนใจร่วมทุน (Joint Venture) กับ SAM เพื่อจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ขึ้นมาบริหารหนี้เสีย หรือ NPL ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นหลังจากมาตรการผ่อนปรนการจัดชั้นหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะสิ้นสุดลงในปี 2565
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ยังคงต้องการความชัดเจนจาก ธปท. ว่าจะมีการกำหนดเงื่อนไขเอาไว้อย่างไร โดยคาดว่าความชัดเจนดังกล่าวจะออกมาในไตรมาส 1 ปีหน้า
“เบื้องต้นเราทราบมาว่าธนาคารจะต้องถือหุ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่า แต่สัดส่วนจะเป็นเท่าไร และจะ JV กันได้กี่ราย ยังต้องรอความชัดเจนจาก ธปท. การร่วมทุนจะเป็นลักษณะการตั้งบริษัทลูกขึ้นมาเพื่อบริหารหนี้ของแบงก์ร่วมกัน โดย SAM จะได้ค่าจ้างในการบริหาร” ธรัฐพรกล่าว
ธรัฐพรกล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ของ SAM บริษัทยังมีเป้าหมายจะซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้ในช่วงไตรมาส 2 ของปีหน้ามูลค่าราว 5 พันล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องสำหรับซื้อหนี้มาบริหารเพิ่ม ซึ่งหากยังไม่เพียงพอบริษัทก็ยังสามารถใช้สินเชื่อจากธนาคารเข้ามาเสริมสภาพคล่องได้อีก
ผู้บริหาร SAM กล่าวว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่สถาบันการเงินนำ NPL ออกมาขายน้อยมาก ซึ่งต้นปีคาดว่าจะมีหนี้ออกมาขายประมาณ 9 หมื่นล้านบาท แต่ล่าสุดน่าจะเหลือ 6 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4 นี้พบว่ามีหนี้ที่ถูกนำมาออกประมูลถึง 2 หมื่นล้านบาทจาก 2 ธนาคารพาณิชย์ ทำให้ปีนี้บริษัทยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถซื้อหนี้มาบริหารได้ประมาณ 5-6 พันล้านบาท
“เรามองว่า NPL จะเริ่มเร่งตัวขึ้นหลังปี 2565 แต่คงจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งหากกลับมาช่วงก่อนวิกฤตโควิด โดยปกติจะมี NPL ที่แบงก์นำออกมาประมูลประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปี หลังปี 2565 ภาพนั้นน่าจะกลับมา โดยปกติ SAM ก็เข้าไปประมูลได้ราว 10-15% ซึ่งเราก็ยังคงเป้าหมายดังกล่าวเอาไว้ โดยจะโฟกัสไปที่ประเภทหนี้ที่เราถนัด คือหนี้ที่มีหลักประกัน” ธรัฐพรกล่าว
ธรัฐพรยังเปิดเผยผลการดำเนินงานของ SAM ณ เดือนตุลาคม 2564 ว่า บริษัทสามารถเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้า NPL ไปแล้วจำนวน 54,899 ราย คิดเป็นมูลค่าตามบัญชี 341,448 ล้านบาท และจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย NPA ได้ทั้งสิ้น 10,496 รายการ ราคาประเมินทรัพย์ 51,914 ล้านบาท
ด้านการประมูลซื้อสินทรัพย์เพื่อเพิ่มขนาดพอร์ต SAM สามารถซื้อสินทรัพย์ได้ จำนวนรวมทั้งสิ้น 16,569 ราย มูลค่าตามบัญชี 113,621 ล้านบาท ขณะที่คลินิกแก้หนี้มีจำนวนลูกค้าที่ผ่านคุณสมบัติและสมัครเข้าโครงการได้รวมทั้งสิ้น 68,071 บัญชี คิดเป็นภาระหนี้เงินต้นตามสัญญา 5,163 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2543 SAM สามารถนำส่งเงินคืนกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) ไปแล้วเป็นจำนวนเงินประมาณ 255,000 ล้านบาท
โดยปัจจุบัน SAM มีจำนวนลูกหนี้ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการ รวมทั้งสิ้น 20,727 ราย มูลค่าตามบัญชี 354,320 ล้านบาท
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP