×

ภารกิจท้าทายความชรา เมื่อสตาร์ทอัพ ‘ย้อนวัย’ ที่ แซม อัลต์แมน หนุนหลังเตรียมเริ่มทดลองยาต้าน ‘อัลไซเมอร์’ ในมนุษย์ปลายปีนี้

24.09.2025
  • LOADING...
Sam Altman หนุนหลัง Retro Biosciences ทดลองยาต้านอัลไซเมอร์ RTR242

Retro Biosciences บริษัทสตาร์ทอัพด้านชีววิทยาอายุยืน (Longevity) ที่ได้รับการสนับสนุนจาก แซม อัลต์แมน (Sam Altman) แห่ง OpenAI กำลังจะเริ่มต้นการทดลองทางคลินิกครั้งแรกของบริษัทนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 ด้วยเงินลงทุนก้อนแรก 180 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.76 พันล้านบาท) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในภารกิจอันท้าทายที่จะแยกความแก่ชราออกจากการเสื่อมถอยและโรคภัย

 

โจ เบตส์-ลาครัวซ์ (Joe Betts-LaCroix) ซีอีโอของบริษัท ได้เปิดเผยกับ Business Insider ว่าภายในสิ้นปี 2025 นี้ Retro จะเริ่มทดลองยาตัวใหม่ที่ชื่อว่า RTR242 กับผู้ป่วยรายแรก โดยการทดลองจะเกิดขึ้นในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมีกระบวนการอนุมัติการทดลองระยะที่ 1 ที่รวดเร็วกว่า

 

เป้าหมายของยา RTR242 คือการ ‘ย้อนวัย’ การทำงานของเซลล์เพื่อต่อสู้กับโรคอัลไซเมอร์ โดยยาตัวนี้ถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นกระบวนการ Autophagy ซึ่งเป็นระบบรีไซเคิลของเสียภายในเซลล์ตามธรรมชาติของร่างกาย กระบวนการนี้มักจะทำงานผิดเพี้ยนไปเมื่อเราอายุมากขึ้น ทำให้โปรตีนที่เสียหายและของเสียต่างๆ สะสมอยู่ในเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์สมอง

 

“ภายในเซลล์มีโปรตีนที่ผิดรูป, กลายพันธุ์ หรือย่อยสลายไม่ได้สะสมอยู่ตลอดเวลา” เบตส์-ลาครัวซ์อธิบาย “และเมื่อระบบรีไซเคิลตามปกติของเซลล์เสียหาย ของเสียเหล่านี้ก็จะยิ่งสะสมมากขึ้น” ซึ่งยาตัวใหม่นี้จะเข้าไปช่วยฟื้นฟูกระบวนการดังกล่าวเพื่อกำจัดขยะในเซลล์ที่เชื่อมโยงกับโรคอัลไซเมอร์และพาร์คินสัน

 

แนวทางของ Retro นั้นแตกต่างจากยารักษาอัลไซเมอร์รุ่นใหม่อย่าง Leqembi ของ Eisai ที่เน้นการชะลอความเสื่อมของสมอง แต่เบตส์-ลาครัวซ์กลับสนใจในแนวทางที่ก้าวไปอีกขั้น “ผมสนใจการบำบัดที่สามารถย้อนคืนความเสื่อมจากความชราได้มากกว่าการแค่ชะลอความเสื่อมลง เพราะการชะลอความเสื่อมให้ความรู้สึกเหมือนเป็นยาขนานอ่อนๆ เท่านั้น” เขากล่าว

 

เป้าหมายสูงสุดที่ Retro ประกาศไว้คือการเพิ่มช่วงเวลาที่มนุษย์มีสุขภาพดี (Healthy Lifespan) ออกไปอีก 10 ปี ซึ่งเบตส์-ลาครัวซ์แย้งว่านี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าการรักษามะเร็ง (ซึ่งจะเพิ่มอายุขัยเฉลี่ย 3 ปี) หรือโรคหัวใจ (เพิ่ม 4 ปี) ด้วยซ้ำ เพราะหมายถึงการทำให้ผู้คนมีชีวิตที่แข็งแรงและกระฉับกระเฉงไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต

 

นอกเหนือจากยาต้านอัลไซเมอร์แล้ว Retro ยังมีโครงการอื่นๆ ที่กำลังพัฒนาอยู่อีกสองโครงการ ได้แก่ การสร้างสเต็มเซลล์เม็ดเลือดใหม่จากเซลล์ของผู้ป่วยเองเพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และการบำบัดโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทส่วนกลางด้วยสเต็มเซลล์ ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่บนแนวคิดของการรีเซ็ตระบบชีวภาพของร่างกายให้กลับไปสู่วัยที่หนุ่มสาวกว่า

 

อย่างไรก็ตาม ในแวดวงวิทยาศาสตร์อายุยืนก็มีการถกเถียงถึงแนวทางของ Retro อยู่เช่นกัน ปีเตอร์ เฟดิเชฟ (Peter Fedichev) ผู้ก่อตั้ง Gero ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่ง กล่าวว่าเขาหวังว่า Retro จะมีแผนการที่ ‘สุดขั้ว’ และทะเยอทะยานกว่านี้ซ่อนอยู่ เพราะการเพิ่มอายุขัย 10 ปีนั้นสามารถทำได้ด้วยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์อยู่แล้ว

 

เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า Retro จำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มอีกมหาศาล โดยบริษัทได้ตั้งเป้าที่จะระดมทุนในระดับ Series A ให้ได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท) ซึ่งจะทำให้บริษัทขยับเข้าใกล้คู่แข่งรายใหญ่อย่าง Altos Labs ที่ได้รับการสนับสนุนจาก เจฟฟ์ เบโซส์ (Jeff Bezos) และระดมทุนไปแล้วกว่า 3 พันล้านดอลลาร์

 

ล่าสุด Retro ได้เปิดเผยถึงไพ่เด็ดที่อาจเป็นความหวังสำคัญของบริษัท นั่นคือความร่วมมือกับ OpenAI ในการพัฒนา AI ที่ชื่อว่า GPT-4b micro ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพัฒนาโปรตีนโดยเฉพาะ โดย AI ตัวนี้สามารถทำให้กระบวนการ ‘รีโปรแกรม’ หรือการย้อนวัยเซลล์ต้นกำเนิด (สเต็มเซลล์) กลับสู่สภาพที่อ่อนเยาว์กว่าเดิม มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าวิธีธรรมชาติถึง 50 เท่า

 

เทคโนโลยีการรีโปรแกรมเซลล์ (Cellular Reprogramming) ถือเป็นแนวทางที่ล้ำสมัยและเป็นที่จับตามองมากที่สุดในซิลิคอนวัลเลย์ขณะนี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อย้อนคืนความชราของเซลล์และสร้างชิ้นส่วนใหม่ให้กับร่างกายที่แก่ชรา ซึ่งความร่วมมือกับ OpenAI อาจเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Retro สามารถสร้าง ‘เดิมพัน’ ครั้งใหญ่เพื่อไปให้ถึง ‘อนาคต’ ที่มนุษย์อาจเอาชนะความชราได้สำเร็จ

 

หมายเหตุ: ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32.01 บาท ณ วันที่ 24 กันยายน 2568 

 

ภาพ: Justin Sullivan/Getty Images

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising