ในโลกปัจจุบันที่ข้อมูลและการแจ้งเตือนบนแพลตฟอร์มออนไลน์จำนวนมหาศาลล้นทะลักหน้าจอสมาร์ทโฟน จนทำให้หลายคนเกิดสมาธิไขว้เขว ‘การอ่าน’ เป็นหนึ่งในวิธีฝึกสมาธิ ฝึกสมอง และเป็นนิสัยที่เรามักจะพบเห็นได้ในกลุ่มคนที่ประสบความสำเร็จ
หนึ่งในบุคคลของวงการเทคโนโลยีที่ก้าวขึ้นมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเมื่อเร็วๆ นี้ก็คือผู้ร่วมสร้าง ChatGPT นามว่า ‘แซม อัลต์แมน’
แม้ว่าแซมจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่ในบางครั้งเขาก็เลือกที่จะใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือ เพื่อพักสมองหลังจากโหมงานหนักมาทั้งวัน และอ่านเพื่อเติมเต็มความเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับโลกที่เขายังไม่รู้
Blinkist บริษัทสตาร์ทอัพคลังความรู้หนังสือ Non-fiction ที่ให้บริการสรุปหนังสือกว่า 7,500 เล่ม ให้ผู้ใช้งานเลือกอ่านหรือฟังก็ได้ โดยขมวดเนื้อหาให้เหลือเล่มละ 15 นาที ซึ่งบริษัทได้จัดทำชุดหนังสือ 6 เล่มที่ แซม อัลต์แมน ซีอีโอ OpenAI มองว่าเป็นหนังสือที่ให้แนวคิดที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตผู้อ่านเลยก็ได้ โดยเรารวบรวมมาให้ดังนี้
1. Man’s Search for Meaning
“ทุกสิ่งในชีวิตล้วนถูกพรากจากตัวเราได้ทั้งสิ้น เว้นแต่ ‘อิสรภาพทางความคิด’ สิ่งสุดท้ายที่จะเหลืออยู่ในมนุษย์ทุกคน สิ่งที่เราเลือกได้เองว่าจะมองปัญหาชีวิตในมุมไหน ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรก็ตาม” – Viktor E. Frankl
หนังสือเล่มนี้เขียนโดย Viktor E. Frankl นักจิตวิทยาที่เคยใช้ช่วงชีวิตหนึ่งของเขาอยู่ในค่ายกักกันนาซี หนึ่งในสถานที่ประวัติศาสตร์ที่มีการทารุณมากที่สุดบนโลกนี้ แต่ท่ามกลางความยากลำบาก Viktor E. Frankl ไม่ท้อถอยต่ออุปสรรค พยายามหาความหมายของชีวิตและยึดมั่นกับมัน เพื่อให้เขามีกำลังสู้ต่อไปเพื่อความอยู่รอด
Viktor E. Frankl เชื่อว่าปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนการใช้ชีวิตของมนุษย์มิใช่การหาความสุข แต่คือการหาความหมายในชีวิต และทุกคนควรหาความหมายของตัวเองให้เจอ เพราะมันคือเส้นทางสู่ความสุขของชีวิตที่แท้จริง
2. Thinking, Fast and Slow
“หนึ่งในวิธีที่ทำให้คนเชื่อในเรื่องโกหกคือ การพูดย้ำๆ ซ้ำๆ หลายๆ ครั้ง เพราะเรื่องโกหกที่คนคุ้นชิน ก็ยากที่พวกเขาจะแยกมันออกจากความจริง” – Daniel Kahneman
Daniel Kahneman นักจิตวิทยารางวัลโนเบลผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ที่กล่าวถึงความคิดสองระบบ อันหนึ่งรวดเร็วด้วยกึ๋นกับสัญชาตญาณแต่โอกาสพลาดสูง กับอีกระบบจะใช้ความคิดสูง ซึ่งแม่นยำแต่ทำงานช้า
หนังสือเล่มนี้ให้อินไซต์เกี่ยวกับการทำงานของสมองมนุษย์ที่ทำงานร่วมกันระหว่างสองระบบ และวิธีที่เราสามารถใช้ได้เพื่อลดแนวโน้มความคิดที่ลำเอียง และอาจนำไปสู่ความผิดพลาดได้มากกว่าความคิดที่ใช้เวลาไตร่ตรอง
3. ZERO to ONE
“โมเมนต์จากศูนย์ไปหนึ่งในโลกธุรกิจเกิดขึ้นได้แค่ครั้งเดียว ผู้ที่จะมาเป็น Larry Page หรือ Sergey Brin คนต่อไปจะไม่ใช่ผู้ที่สร้างเสิร์ชเอนจิน ในทำนองเดียวกัน Mark Zuckerberg คนต่อไปก็จะไม่ใช่ผู้สร้างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ถ้าเรายังลอกเลียนแบบพวกเขา เราต่างหากที่ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย” – Peter Thiel
ใจความสำคัญของ ZERO to ONE โดย Peter Thiel ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal คือ การลงแรงสร้างนวัตกรรมใหม่ที่โลกไม่เคยเห็นสักหนึ่งชิ้นนั้นคุ้มค่ามากกว่าการพัฒนาเทคโนโลยีเดิมที่มีอยู่แล้วในตลาด นี่คือหนังสือที่ผลักดันให้คนคิดนอกกรอบและสร้างนวัตกรรมที่แก้ปัญหาให้กับคนแบบที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
4. Blitzscaling
“ผู้ที่จะผลักดันให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด (Blitzscaling) ได้สำเร็จ จะต้องให้ความสำคัญกับ ‘ความเร็ว’ มากกว่า ‘ประสิทธิภาพ’ แต่กลยุทธ์นี้ไม่เหมาะกับผู้ประกอบการที่ต้องการโตแบบค่อยเป็นค่อยไป และไม่เตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนตัวเองอยู่ตลอดเวลา” – Reid Hoffman และ Chris Yeh
หนังสือเล่มนี้ให้เทคนิคและกลยุทธ์ในการทำให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าธุรกิจนั้นจะอยู่ในอุตสาหกรรมไหนก็ตาม แต่หนึ่งข้อเตือนใจที่ต้องตระหนักไว้ตลอดคือ เมื่อธุรกิจโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด มีอำนาจในตลาดเพิ่มขึ้น มันก็จะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ต้องเพิ่มตามด้วย
5. Superintelligence
“ปัญญาประดิษฐ์จะเป็นนวัตกรรมชิ้นสุดท้ายที่มนุษย์เป็นผู้สร้าง” – Nick Bostrom
ผู้เขียน Nick Bostrom ชวนหาคำตอบของอนาคตที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีระดับสติปัญญาเหนือมนุษย์ทั้งในด้านบวกและด้านลบ หนังสือเล่าถึงเส้นทางการไปสู่การมาของเทคโนโลยี Superintelligence และแนวทางการกำกับดูแลที่โลกจำเป็นต้องเร่งทำในวันนี้ เพื่อให้มั่นใจว่ามนุษย์จะป้องกันไม่ให้ AI ออกนอกลู่นอกทางจนเกิดความเสียหายอย่างมหาศาลได้
6. Winning
“ก่อนหน้าที่คุณจะเป็นนายคน ความสำเร็จคือการพัฒนาให้ ‘ตัวเอง’ เติบโต แต่เมื่อคุณเป็นเจ้าคนนายคน ความสำเร็จทั้งหมดคือการทำให้ ‘ผู้อื่น’ เติบโต” – Jack และ Suzy Welch
หนังสือสำหรับผู้นำที่ต้องการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ใครๆ ก็อยากร่วมงานด้วย เช่น การเปิดอิสระให้พนักงานสนทนากันได้อย่างเปิดกว้าง ให้คุณค่ากับความคิดเห็นของทุกคน ชื่นชมคนเก่งในขณะที่ช่วยคนไม่เก่งให้ทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดก็เพื่อสร้างทีมที่ทุกคนเต็มใจทำงานอย่างเต็มที่ภายใต้การนำของผู้นำที่ดี
อ้างอิง: