ในหมู่มวลของศึกลูกหนังชิงแชมป์ระดับทวีปของโลก รายการที่น่าเห็นใจมากที่สุดตลอดมาคือการชิงแชมป์ของทวีปแอฟริกาที่เป็นเหมือนลูกเมียน้อยที่ไม่ได้รับความรักจากใครเลย
เหตุผลนั้นหลากหลายครับ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเรื่องของการที่ชาวแอฟริกันไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมจากชาวโลกมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องของแอฟริกาเป็นเรื่องที่มีความสำคัญรองลงมาเสมอ ขณะที่อีกเหตุผลคือเดิมการแข่งขันแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ (หรือแอฟริกัน เนชันส์ คัพ) มีกำหนดแข่งขันในช่วงต้นปี ซึ่งเป็นช่วงที่ฟุตบอลลีกส่วนใหญ่ของโลกยังทำการแข่งขันอยู่
การที่สโมสรฟุตบอลชั้นนำต้องเสียสตาร์ดังไปให้กับทีมชาติในช่วงกลางฤดูกาลนั้นเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบเสียหายร้ายแรงอย่างมาก และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกติดลบในใจขึ้นมา
แถมการแข่งขันยังมีค่อนข้างถี่ คือจะมีการจัดขึ้นทุก 2 ปี ไม่ใช่ 4 ปีเหมือนทวีปอื่นเขา
อย่างไรก็ดี ในปีนี้การแข่งขันแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันใหม่ บนความหวังว่ารายการนี้จะได้รับความนิยมที่เพิ่มขึ้นและมีศักดิ์ศรีที่ไม่น้อยกว่าคนอื่นเสียที
ความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่สุดที่เกิดขึ้นคือช่วงเวลาในการแข่งขันครับ
จากเดิมที่จะมีการแข่งขันกันช่วงต้นปีในราวกลางเดือนมกราคมเรื่อยไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ก็ปรับเป็นช่วงปลายเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนกรกฎาคมแทน
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มจำนวนทีมจาก 16 ทีมเป็น 24 ทีมด้วย ซึ่งเป็นไปตามสมัยนิยมที่การแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ทั่วโลกต่างมีการเพิ่มจำนวนทีมแข่งขันให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฟุตบอลโลก, ฟุตบอลโลกหญิง, ฟุตบอลยูโร ฯลฯ เพื่อหวังผลเรื่องของรายได้จากการจัดการแข่งขัน การเพิ่มจำนวนผู้ชมรวม การถ่ายทอดสดที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการขยายโอกาสให้แก่ชาติเล็กๆ ได้มีโอกาสเข้าร่วมรายการสำคัญด้วย
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้ศึกแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ ครั้งนี้เป็นที่สนใจไม่ใช่เรื่องของการปรับเปลี่ยนเวลาหรือเรื่องของจำนวนทีมที่เพิ่มขึ้นเสียทีเดียวครับ
สิ่งที่เป็น ‘แรงดึงดูด’ ของศึกลูกหนังกาฬทวีปปีนี้คือเหล่าสตาร์ที่เข้าร่วมการแข่งขันกันอย่างคึกคักและถือว่าพร้อมหน้าพร้อมตามากที่สุดครั้งหนึ่ง
โดยสองสตาร์ที่ถูกจับตามองมากเป็นพิเศษคือ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และซาดิโอ มาเน คู่หูจากลิเวอร์พูลที่เพิ่งจะพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมาครองเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แต่คราวนี้ทั้งสองจะต้องประลองความสามารถกันเพื่อลุ้นพาทีมชาติของตัวเองคว้าแชมป์ให้ได้
ซาลาห์จะถูกจับตามากกว่าสักหน่อยครับในฐานะสตาร์หมายเลข 1 ของทวีปเวลานี้ และอียิปต์ก็เป็นเจ้าภาพการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย ซึ่งทีมจากลุ่มแม่น้ำไนล์ยังเป็นชาติที่ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์รายการนี้มากที่สุดถึง 7 ครั้ง
เพียงแต่การคว้าแชมป์ครั้งสุดท้ายของอียิปต์เกิดขึ้นเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ส่วนในการแข่งขันครั้งล่าสุดเมื่อปี 2017 ที่อิเควทอเรียลกินีนั้น พวกเขาก็เป็นได้แค่รองแชมป์เท่านั้น หลังพ่ายต่อแคเมอรูนไปแบบหวุดหวิดในรอบชิงชนะเลิศ
จากความสำเร็จของซาลาห์ในทีมลิเวอร์พูลที่ทำให้เขากลายเป็นปรากฏการณ์ของชาติ ทำให้ทุกคนย่อมคาดหวังว่าเขาจะพาอียิปต์เป็นแชมป์ให้ได้อีกครั้ง เหมือนใน 2 ครั้งที่อียิปต์ได้เป็นเจ้าภาพในปี 1986 และ 2006 พวกเขาก็คว้าแชมป์มาได้ทั้ง 2 ครั้ง
แถมคราวนี้เขายังอยู่ในสภาพร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมกว่าฟุตบอลโลกเมื่อปีกลาย และน่าจะเป็นโอกาสที่ซาลาห์หวังจะแก้ตัวให้ได้ด้วย
ขณะที่มาเนกับเซเนกัลเองก็เป็นหนึ่งในทีมตัวเต็งของการแข่งขันในฐานะชาติที่แข็งแกร่งมากที่สุดทีมหนึ่ง และรักษามาตรฐานการเล่นในระดับสูงเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
และหากมองที่ผลงานส่วนตัวแล้ว ในฤดูกาลที่ผ่านมา (2018-19) คนจำนวนไม่น้อยมองว่ามาเนทำผลงานได้ดีกว่าซาลาห์ด้วยซ้ำ เพียงแต่ด้วยบุคลิกนิ่งๆ ไม่ค่อยแสดงออกทางความรู้สึกมากนัก (จนทำให้แม้กระทั่งแฟนลิเวอร์พูลยังสงสัยว่ามาเนอยู่ในพิธีการแห่ฉลองแชมป์ของลิเวอร์พูลหรือไม่) ทำให้ดูคล้ายว่าเขาเข้าถึงได้ยากกว่า
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมาเนก็อุทิศตัวและช่วยเหลือประเทศชาติบ้านเกิดมามากมายเหมือนกับซาลาห์
รายการแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำหรับมาเนที่จะได้ก้าวขึ้นมาเป็น ‘เบอร์หนึ่ง’ อย่างแท้จริง โดยจะมีสตาร์ร่วมทีมอย่าง เกอิตา บัลเด (อินเตอร์ มิลาน) และอิสไมลา ซาร์ (แรนส์)
นอกจากทั้งสองรายนี้ เรายังมีสตาร์ลูกหนังชาวแอฟริกันระดับชั้นนำคนอื่นๆ ที่ลงเล่นในลีกระดับท็อปของยุโรปให้ติดตามอีกมากมายครับ
โมร็อกโก อีกหนึ่งชาติที่แข็งแกร่งของกาฬทวีปก็มีสตาร์ที่โด่งดังอย่างมากกับอาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม และเป็นที่หมายปองของหลายสโมสรระดับท็อปที่อยากได้ตัวไปร่วมทีมอย่าง ฮาคิม ซิเยค ปีกจอมพลิ้ว และยังมีตัวเก๋าอย่าง เมดี เบนาเตีย และโรเมน ซาอิสส์ คอยประคับประคองด้วย
ที่เหลือเชื่อคือโมร็อกโกที่มีสตาร์ดังๆ มาตลอดทุกยุคทุกสมัยไม่ได้แชมป์รายการนี้มากว่า 43 ปีแล้วครับ ดังนั้นในปีนี้พวกเขาก็แอบหวังอย่างแน่นอน
อีกคนที่ถูกจับตาเยอะคือ ริยาด มาห์เรซ ดาวเด่นของทีมชาติแอลจีเรีย ชาติที่ประมาทไม่ได้ และโดยส่วนตัวแล้วผมแอบเอาใจช่วยอยู่ครับ เพราะประทับใจกับสายเลือดลูกหนังของแอลจีเรียที่มักจะมีความเป็นศิลปินลูกหนังโดยธรรมชาติ ที่เห็นได้จาก ซีเนดีน ซีดาน ที่เป็นสายเลือดแอลจีเรียเหมือนกัน มาจนถึงมาห์เรซที่เป็นหนึ่งในตัวทำเกมที่เก่งที่สุดในโลกเวลานี้
และคนที่เชื่อว่าน่าจะเป็นที่จับจ้องมากเป็นพิเศษอีกคนคือ นิโคลัส เปเป้ สตาร์กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติไอวอรีโคสต์ที่แจ้งเกิดกับลีลล์ในลีกเอิงฤดูกาลที่ผ่านมา หลังทำไป 22 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์จากการลงเล่น 38 นัด พาทีมคว้ารองแชมป์ได้อย่างน่าประทับใจ
เปเป้เป็นหนึ่งในสตาร์ที่มีข่าวกับสโมสรระดับท็อปมากมายครับ และเป็นตัวความหวังของทีม ‘ตราช้าง’ อย่างไอวอรีโคสต์ที่ขาดแคลนตัวความหวังนับตั้งแต่สิ้นยุคของ ดิดิเยร์ ดร็อกบา และยาย่า ตูเร ที่อำลาทีมไป
นอกจากนี้ยังมี นาบี เกอิตา จากลิเวอร์พูลอีกคนที่จะลงสนามให้ทีมชาติกินี แม้ว่าจะต้องรอลุ้นสภาพร่างกายว่าจะหายกลับมาลงสนามได้ทันหรือไม่
จากชื่อทั้งหมดนี้ก็เชื่อว่าแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ ก็น่าจะได้รับความสนใจจากแฟนลูกหนังทั่วโลกได้พอสมควรครับ อย่างน้อยในแต่ละเกมก็น่าจะมีชื่อของสตาร์ที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งมาจากชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันทั้ง 24 ทีม (เช่น เคนยา ที่มี วิกเตอร์ วานยามา หรือไนจีเรีย ที่มี อเล็กซ์ อิโวบี) ซึ่งถ้าถามผม โดยส่วนตัวแล้วดูเหมือนว่ากระแสจะดีกว่าโคปา อเมริกา และโกลด์คัพ สองรายการชิงแชมป์ระดับทวีปของอเมริกาใต้และอเมริกาเหนือที่ลงสนามในช่วงเวลาเดียวกัน
จุดที่น่าเป็นห่วงของการแข่งขันอยู่ที่เรื่องของสภาพอากาศที่อาจจะเป็นอันตรายต่อนักฟุตบอลได้ เนื่องจากเป็นช่วงที่อียิปต์มีสภาพอากาศที่ร้อนจัด (และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เดิมมีการจัดการแข่งขันในช่วงต้นปีที่อยู่ในช่วงฤดูหนาวที่สภาพอากาศเป็นใจกว่า) ส่วนเรื่องของเจ้าภาพนั้น ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลงกะทันหันโดยสหพันธ์ฟุตบอลแอฟริการิบสิทธิ์เจ้าภาพจากแคเมอรูนมาเมื่อต้นปี เนื่องจากมีปัญหาความไม่พร้อมทุกด้าน แต่อียิปต์ก็เป็นชาติที่มีความพร้อมสูงกว่าชาติอื่นอยู่แล้ว และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
ที่เหลือคือการเฝ้าติดตามดูศึกลูกหนังระดับทวีปที่เคยถูกมองข้ามมากที่สุด ครั้งนี้พวกเขายอมเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างเพื่อปรับตัวเข้าหาชาวโลกให้มากขึ้น
ด้วยความหวังว่าจะได้รับการยอมรับอย่างที่พวกเขาสมควรจะได้รับ และทำให้วงการฟุตบอลแอฟริกาได้ก้าวเดินไปข้างหน้า รวมถึงช่วยพัฒนาสภาพสังคมและเศรษฐกิจ ฯลฯ เสียที
ถ้าสะดวกก็อยากให้ลองติดตามกันดูนะครับ มีการถ่ายทอดสดในไทยครบทุกนัดเหมือนกัน และส่วนตัวคิดว่าน่าจะสนุกไม่แพ้รายการอื่นครับ 🙂
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
- อียิปต์เป็นชาติเจ้าภาพมาแล้ว 5 ครั้ง และเป็นแชมป์มาแล้ว 7 สมัยด้วยกัน
- ในการแข่งขันแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อปี 1957 โดยมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันแค่ 3 ทีมด้วยกันคือ อียิปต์, ซูดาน และเอธิโอเปีย ทีมที่ถอนตัวไปคือแอฟริกาใต้ที่มีปัญหาเรื่องของการเหยียดสีผิว
- การเพิ่มจำนวนทีมเป็น 24 ทีมทำให้ชาติเล็กๆ อย่าง มอริเตเนีย, มาดากัสการ์ และบุรุนดี ผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรก