ในขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว และความตึงเครียดจากสงครามในตะวันออกกลางยังคงปั่นป่วนตลาดอย่างต่อเนื่อง แต่ภาคธุรกิจไทยยังต้องเดินหน้า โดยเฉพาะการบริหารต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากหลายปัจจัย ทั้งราคาพลังงาน วัตถุดิบและค่าขนส่งที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง
ธรรมรัตน์ โชควัฒนา กรรมการผู้อำนวยการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทยังสามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้อยู่และยังไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้า แม้แนวโน้มต้นทุนยังไม่นิ่งและต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในช่วงครึ่งปีหลัง
รวมไปถึงกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลง ส่งผลให้การจับจ่ายในตลาดเสื้อผ้าและสิ่งทอลดลงไปด้วย ยอมรับว่ายังไม่เห็นทางสว่าง บริษัทอาจจะลดการโฟกัสการผลิตสิ่งทอลง ถ้าดีมานด์ลดซัพพลายก็ต้องลดลงตามไปด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘คิงบริดจ์ ทาวเวอร์’ ออฟฟิศเกรด A ใจกลางกรุงในเครือสหพัฒน์
- สหพัฒน์เตรียมลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์
- ‘เจ้าสัวสหพัฒน์’ ไม่กังวลรัฐบาลชุดใหม่ แย้มเชื่อมั่นพลังคนรุ่นใหม่
“สถานการณ์นี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับธุรกิจในการประเมินและปรับตัว เพราะใครที่ปรับตัวได้เร็วกว่า ย่อมมีโอกาสอยู่รอดและเติบโตได้ในระยะยาว เช่นเดียวกับ เครือสหพัฒน์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้มีการปรับองค์กรเพื่อให้สอดรับกับบริบททางเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปมาโดยตลอด”ธรรมรัตน์ ย้ำ
ส่วนกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ นั้นไม่มีผลกระทบกับบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกสินค้าไปยังกัมพูชายังอยู่ในสัดส่วนที่น้อย และการค้าข้ามแดนบางส่วนอาจต้องชะลอไว้ก่อนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
อีกหนึ่งในไฮไลต์ของปีนี้ คือ การจัดงาน ‘สหกรุ๊ปแฟร์ & เฟส ครั้งที่ 29’ ระหว่างวันที่ 26-29 มิถุนายน ณ ไบเทค บางนา ซึ่งจัดขึ้นท่ามกลางบริบทเศรษฐกิจที่ยังอ่อนไหว โดยนำสินค้าอุปโภคบริโภคจากบริษัทในเครือกว่า 1,000 รายการ มาจัดจำหน่ายในราคาพิเศษ เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้ผู้บริโภค
“ประเมินว่าการจัดงานในปีนี้จะช่วยลดค่าครองชีพให้กับผู้บริโภค และคาดว่าจะสร้างเงินสะพัดกว่า 100 ล้านบาท”
ภายในงานยังมีการเปิดตัวสินค้าใหม่หลากหลายกลุ่ม ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ความงาม แฟชั่น ของใช้ภายในบ้าน รวมถึงยังมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ MOU ระหว่างบริษัทในเครือสหพัฒน์กับพันธมิตร ซึ่งถือการยกระดับขีดความสามารถของบุคลากรและการแข่งขันให้กับธุรกิจของไทย ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
สำหรับ MOU ดังกล่าวมีทั้งหมด 16 ฉบับ อาทิ การสร้างโรงแรม ภายใต้บริษัท สห โตคิว คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในเครือสหพัฒน์ ร่วมกับ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ลงนาม MOU for Hotel Management, Dusit Suites J-Park Sriracha ถือเป็นการต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์สู่ธุรกิจโรงแรมหรู
ตามด้วยการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ภายใต้บริษัท อี-คอมเมอร์ซ ดิจิทัล ไทย โฮลดิ้ง จำกัด (EDTH) ในเครือสหพัฒน์ ลงนามความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ บริษัท อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด (AWS) ร่วมกันยกระดับแพลตฟอร์มและขีดความสามารถด้านดิจิทัลของเครือสหพัฒน์ให้ก้าวสู่ระดับโลก
พร้อมกับหนุนการค้าอัญมณีไทยผ่านดิจิทัล ภายใต้บริษัท ช้อปโกลบอล อี-คอมเมิร์ซ จำกัด และ บริษัท บิ๊กซ์โชว์ ลาล่า จำกัด จับมือกับ สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) เพื่อส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นในการค้าอัญมณีและเครื่องประดับผ่านช่องทางสื่อดิจิทัลและโทรทัศน์ ซึ่งจะช่วยขยายตลาดและสร้างมูลค่าเพิ่มให้อัญมณีไทย
ทั้งหมดสะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่ยักษ์ธุรกิจรายใหญ่ยังต้องปรับตัวโดยอาศัยความร่วมมือจากบริษัทพันธมิตรและมองไปข้างหน้าท่ามกลางความไม่แน่นอนอย่างมีความหวัง