ซากีย์ พิทักษ์คุมพล สมาชิกวุฒิสภา เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยตั้งค่าการเข้าถึงแบบสาธารณะ แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ที่มีการทำร้ายนักกิจกรรมทางการเมือง โดยกรณีล่าสุดคือ จ่านิว-สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ว่าเหตุการณ์ทำร้ายนักกิจกรรมทางการเมืองวันนี้เป็นฉากของความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในสังคมไทยฉากแล้วฉากเล่าในห้วงทศวรรษที่ผ่านมา ตอกย้ำถึงการแบ่งข้างแยกขั้วอย่างชัดเจนและหนักข้อขึ้นทุกวัน เมื่อความรุนแรงและความสูญเสียเกิดขึ้นกับฝ่ายหนึ่ง กลุ่มคนอีกฝั่งหนึ่งก็พร้อมโห่ร้องสนับสนุนด้วยความยินดีปรีดากับความสูญเสียของฝั่งตรงข้าม เสียงเย้ยหยันเสียดสีต่อกันระบาดไปทั่วโลกออนไลน์
ต่างฝ่ายต่างก็ถือคัมภีร์คนละเล่ม ต่างก็เชื่อว่าคัมภีร์ของตนเองคือสัจธรรมอันล่วงละเมิดมิได้ เราพร้อมที่จะใช้ความรุนแรงไล่ล่าฝั่งตรงข้ามอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ข้อมูลข่าวสารถูกแปรเป็นอาวุธที่สร้างความเกลียดชังอย่างทรงพลัง เราต่างเชื่อว่าสิ่งที่เราทำไปนั้นเป็นความถูกต้องดีงามตามคุณค่าที่เรานับถือ แต่ยิ่งเวลาทอดยาวไป คุณค่าและอุดมการณ์ที่เรายึดมั่นกลับกลายเป็นกำแพงที่แบ่งแยกเราให้ถ่างกว้างมากยิ่งขึ้น เป็นหมอกม่านหนาทึบที่บดบังดวงตาแห่งความเอื้ออาทรต่อความเป็นมนุษย์ เราจุดไฟแห่งความเกลียดชังขึ้นในใจ เปลวไฟแห่งความชิงชังต่อคนที่เห็นต่างถูกจุดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับว่าเราอยากให้บทเรียนเมื่อ 44 ปีที่ผ่านมากลับมาเป็นหนังเรื่องเก่าที่กลับมาฉายใหม่อีกครั้ง เราไม่จำเป็นต้องเห็นพ้องและรักกันอย่างกลมเกลียว หากวิงวอนได้ ขอแค่ไม่ฆ่ากันเพราะความเห็นต่างทางการเมืองเถอะ ฤา 6 ตุลา ไม่เคยเป็นบทเรียนสำหรับเราเลย
ซากีย์ยังบอกอีกว่าไม่ว่าจะมีสถานะทางการเมืองและสังคมอย่างไร แต่อุดมการณ์ที่ตนเองยึดมั่นอยู่ตลอดคือไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงกับผู้เห็นต่างทางการเมือง โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะมีอุดมการณ์ทางการเมืองใดที่จะศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าชีวิตของผู้คน หยุดใช้ความรุนแรงกับคนเห็นต่างทางการเมือง หากเขาเหล่านั้นทำความผิดก็บังคับใช้กฎหมายตามกระบวนการ ไม่มีใครลงทุนจัดฉากเรียกร้องความสงสารด้วยการเอาความสูญเสียทางร่างกายและชีวิตเข้าแลก
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
