ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะกลายมาเป็นปัจจัยที่สร้างผลกระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์โลกเป็นวงกว้าง ทั้งจากการเพิ่มปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์และเร่งภาวะเงินเฟ้อโลกให้พุ่งขึ้น ทำให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง ซึ่งจะส่งผลให้การส่งออกรถยนต์จากไทยโดยรวมได้รับผลกระทบไปด้วย
โดยประเมินว่าการส่งออกรถยนต์ของไทยไปต่างประเทศในปี 2565 นี้อาจทำได้เพียง 850,000-900,000 คัน หรือติดลบ 6-11% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่ส่งออกได้ถึง 959,194 คัน และลดลงกว่าที่เคยมองไว้ก่อนที่จะมีสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ 1,000,000 คัน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ภัยสงคราม มาตรการคว่ำบาตร และการตอบโต้ต่างๆ ระหว่างกันที่เกิดขึ้น ผลกระทบได้ลุกลามไปถึงภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากรัสเซียและยูเครนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมสำคัญที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ แม้ในระยะเริ่มต้นของสงครามกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากจะเป็นค่ายรถที่มีฐานการผลิตทั้งในรัสเซียและยุโรปที่พึ่งพิงวัตถุดิบและชิ้นส่วนรถยนต์ในการผลิตจากรัสเซียและยูเครนสูงกว่าฐานการผลิตอื่น แต่ด้วยภาวะสงครามที่ยังคงยืดเยื้อไม่รู้จุดจบ กำลังส่งผลกระทบในวงกว้างออกไปสู่อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกจากเหตุผล 2 ประการ
- ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนผลิตรถยนต์ทั่วโลกที่จะกลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอีก ซึ่งนอกเหนือจากการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในยูเครนและรัสเซียไม่สามารถผลิตและส่งมอบได้จนทำให้ค่ายรถในยุโรปต้องระงับการผลิตลงทันทีในหลายประเทศแล้ว ยังมีวัตถุดิบอีกหลายตัวสำหรับการผลิตชิปอิเล็กทรอนิกส์และแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ในรถยนต์ของค่ายต่างๆ ทั่วโลกที่ไม่สามารถออกมาจากแหล่งผลิตหลักในยูเครนและรัสเซียได้ จึงยิ่งกดดันให้ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตที่มีอยู่แล้วทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงอาจเป็นปัจจัยผลักดันให้ราคารถยนต์ในหลายๆ ประเทศปรับเพิ่มขึ้น
- ปัญหากำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ โดยหลังจากที่รัสเซียโดนมาตรการคว่ำบาตรและได้มีการตอบโต้ด้วยการงดการส่งออกสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์อย่าง น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แร่ต่างๆ รวมถึงสินค้าเกษตรอีกหลายรายการซึ่งรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกหลักของโลก ส่งผลให้หลายประเทศทั่วโลกเกิดปัญหาเงินเฟ้อสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคต่างมีกำลังซื้อลดลง รถยนต์ซึ่งอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยราคาสูงจึงมีโอกาสเป็นสินค้ากลุ่มแรกๆ ที่จะได้รับผลกระทบ
แต่เมื่อพิจารณากลับมาที่ไทย ผลกระทบที่ได้รับอาจไม่รุนแรงเท่าฐานผลิตในแถบยุโรป เนื่องจากตลาดส่งออกรถยนต์ของไทยรวมมูลค่ามากกว่า 1 ใน 3 ของการส่งออกรวม เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดอื่นที่ได้รับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน เช่น กลุ่มประเทศ OPEC และออสเตรเลีย ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นจากอานิสงส์ของการเป็นผู้ผลิตน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งกำลังมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้โดยรวมแล้วคาดว่าผลกระทบในแง่อุปสงค์ที่ชะลอลงจากตลาดส่งออกของไทยอาจไม่รุนแรงมาก
อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์ที่ระดับราคาน้ำมันโลกเพิ่มสูงและมีความไม่แน่นอน อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยอาจจำเป็นต้องมองไปข้างหน้าถึงการแข่งขันในอนาคตและรีบเร่งปรับตัว เมื่อผู้บริโภคเริ่มหันหนีจากรถยนต์ใช้น้ำมันไปสู่รถยนต์ใช้แบตเตอรี่ไฟฟ้า และไทยเองก็กำลังมีคู่แข่งในการดึงดูดการลงทุนที่สำคัญคือ อินโดนีเซีย ที่มีจุดแข็งอย่างการเป็นแหล่งผลิตแร่นิกเกิลที่ใหญ่ที่สุดของโลก และมีโอกาสจะผงาดขึ้นเป็นหนึ่งฐานผลิตรถยนต์ที่สำคัญและกลายมาเป็นประเทศคู่แข่งในการส่งออกรถยนต์ของไทยในอนาคต
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP