เจ้าหน้าที่ของยูเครนเปิดเผยว่า มิสไซล์ของรัสเซียลูกหนึ่งตกลงที่ร้านกาแฟและร้านขายของชำในหมู่บ้านทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศวานนี้ (5 ตุลาคม) ขณะที่ผู้คนได้มารวมตัวกันหลังพิธีไว้อาลัยให้กับทหารผู้ล่วงลับ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 51 คนด้วยกัน ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ‘เป็นการจงใจโจมตีพลเรือน’
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ หมู่บ้านฮโรซา ในภูมิภาคคาร์คีฟ โดยภาพจากสื่อต่างประเทศเผยให้เห็นเศษซากอิฐปูนกองใหญ่ เศษเหล็ก และซากอาคารที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ซึ่งนับเป็นการโจมตีที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในภูมิภาคคาร์คีฟ นับตั้งแต่ที่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อ 19 เดือนก่อน และนับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่มีพลเรือนเสียชีวิตมากที่สุดจากการโจมตีของรัสเซียเมื่อเทียบกับทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา
ตำรวจประจำภูมิภาคคาร์คีฟให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 51 คน บาดเจ็บ 6 คน และสูญหายอีก 3 คน โดยประชาชนผู้เคราะห์ร้ายบางส่วนนั้นเป็นกลุ่มคนที่เดินทางมารวมตัวกันในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง หลังจากที่เข้าร่วมในพิธีไว้อาลัยทหารที่เสียชีวิตของหมู่บ้านแห่งนี้
ด้านเซเลนสกีกล่าวว่า “นี่คือการจงใจโจมตีหมู่บ้านของภูมิภาคคาร์คีฟในร้านค้าและร้านกาแฟธรรมดาๆ กองกำลังรัสเซียไม่ตระหนักเลยว่า พวกเขากำลังโจมตีพื้นที่แห่งใดอยู่ นี่ไม่ใช่การโจมตีโดยไม่ตั้งใจ”
ขณะที่ในฝั่งของรัสเซียนั้นยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์โจมตีหมู่บ้านฮโรซา โดยที่ผ่านมานั้นรัสเซียปฏิเสธตลอดว่ากองกำลังของตนไม่เคยจงใจมุ่งเป้าไปที่พลเรือน แต่ถึงเช่นนั้นก็มีประชาชนหลายคนที่ถูกสังหารในการโจมตีใกล้กับย่านที่อยู่อาศัย เช่นเดียวกับการโจมตีที่มุ่งเป้าไปยังภาคพลังงาน ภาคการป้องกัน ท่าเรือ ธัญพืช และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ
ภาพ: Head of Ukraine’s Presidential Office Andriy Yermak via Telegram / Handout via REUTERS
อ้างอิง:
