ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ Sky News ของอังกฤษเมื่อวานนี้ (7 เมษายน) โดยถือเป็นการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อตะวันตกครั้งแรกนับตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครน ซึ่งเปสคอฟยอมรับว่ากองทัพรัสเซียสูญเสียกำลังทหารจำนวนมาก แต่ปฏิเสธว่าทหารรัสเซียไม่ได้ก่ออาชญากรรมสงครามในการสังหารพลเรือนที่เมืองบูชา
เปสคอฟแสดงความคาดหวังว่าปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในครั้งนี้จะบรรลุเป้าหมาย “ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า” หรืออาจเสร็จสิ้นลงด้วยการเจรจาระหว่างผู้แทนของรัสเซียและยูเครน โดยล่าสุดแนวรบของกองทัพรัสเซียได้ย้ายจากทางเหนือไปทางตะวันออก และพยายามที่จะเข้าควบคุมภูมิภาคดอนบาสให้ได้เต็มรูปแบบ
การให้สัมภาษณ์ของเปสคอฟมีขึ้นภายหลังรัสเซียถูกประณามและวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง จากกรณีข้อกล่าวหาว่าทหารรัสเซียได้สังหารพลเรือนมากกว่า 300 คนในเมืองบูชาใกล้กรุงเคียฟ โดยปรากฏหลักฐานทั้งภาพถ่ายและคลิปวิดีโอของศพพลเรือนที่ถูกทารุณกรรมและสังหารอย่างเหี้ยมโหด รวมถึงภาพถ่ายดาวเทียมที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ซึ่งเปสคอฟยืนยันต่อ มาร์ก ออสติน พิธีกรรายการ ว่าภาพศพพลเรือนทั้งหมดบนท้องถนนในเมืองบูชานั้นเป็นของปลอม
“เราอยู่ในยุคแห่งการปลอมแปลงและการโกหก เราปฏิเสธว่ากองทัพรัสเซียสามารถทำในบางสิ่งที่เหมือนกับความโหดร้ายเหล่านี้ และศพเหล่านั้นถูกแสดงบนท้องถนนในเมืองบูชา” เปสคอฟกล่าวพร้อมชี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียง ‘การจัดฉากที่ดี’
ทั้งนี้เปสคอฟยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนไม่ใช่สงคราม แต่เป็นปฏิบัติการพิเศษทางทหารที่มีความจำเป็น เพราะยูเครนนั้นกลายมาเป็นศูนย์กลางการต่อต้านรัสเซีย นับตั้งแต่ปี 2014 ที่รัสเซียได้ผนวกรวมแคว้นไครเมีย
ขณะที่เขายอมรับว่ากองทัพรัสเซียได้สูญเสียกำลังพลไปจำนวนมาก และสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็น ‘โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่’ สำหรับรัสเซียเช่นกัน
นอกจากนี้เปสคอฟยังตอบคำถามกรณีท่าทีของประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนอร์ดิกอย่างฟินแลนด์และสวีเดน ที่ส่งสัญญาณว่าต้องการเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ NATO โดยเขากล่าวว่าหากฟินแลนด์และสวีเดนเข้าร่วม NATO รัสเซียจะต้องมีการปรับสมดุลสถานการณ์ด้วยมาตรการของตนเอง
“หากทั้งสองประเทศเข้าร่วม เราจะต้องทำให้พื้นที่ฝั่งตะวันตกของเรามีความซับซ้อนมากขึ้นในแง่ของการรับรองความมั่นคงของเรา” เปสคอฟกล่าว
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่า “รัสเซียจะไม่มองว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นภัยคุกคามที่คงอยู่ในรูปแบบที่อาจทำให้ต้องพิจารณาใช้อาวุธนิวเคลียร์”
ภาพ: Photo by Sefa Karacan/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง:
