ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียระบุว่า รัสเซียพร้อมที่จะยุติปฏิบัติการทางทหารในชั่วพริบตาหากยูเครนปฏิบัติตามเงื่อนไข
เปสคอฟกล่าวว่า รัสเซียกำลังเรียกร้องให้ยูเครนยุติปฏิบัติการทางทหาร, แก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อให้ยูเครนปฏิเสธเป้าหมายในการเข้าร่วมกลุ่มความร่วมมือใดๆ, ยอมรับไครเมียเป็นดินแดนของรัสเซีย และยอมรับให้พื้นที่ที่ถูกยึดครองโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนซึ่งประกาศตนเป็นสาธารณรัฐในโดเนตสก์และลูฮันสก์เป็นรัฐอิสระ
นับเป็นถ้อยแถลงของรัสเซียที่ชัดเจนที่สุดจนถึงขณะนี้ ถึงข้อกำหนดที่รัสเซียต้องการกำหนดให้ยูเครน เพื่อนำไปสู่การยุติสิ่งที่รัสเซียเรียกว่า ‘ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ’ ซึ่งขณะนี้อยู่ในวันที่ 12
เปสคอฟบอกกับสำนักข่าว Reuters ในการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ยูเครนทราบถึงเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว “และพวกเขาได้รับการแจ้งว่า ทั้งหมดนี้สามารถหยุดได้ในชั่วพริบตา”
Reuters ระบุว่า ไม่มีปฏิกิริยาตามมาจากฝ่ายยูเครน
เปสคอฟยังยืนยันว่ารัสเซียไม่ได้พยายามอ้างสิทธิ์ในดินแดนใดๆ ของยูเครนเพิ่มเติม และปฏิเสธว่าไม่ได้ต้องการยึดอำนาจกรุงเคียฟ นอกจากนี้ยังระบุว่าไม่ใช่รัสเซียที่พยายามยึดโดเนตสก์และลูฮันสก์มาจากยูเครน
“โดเนตสก์และลูฮันสก์ไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของยูเครน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาควรจะถูกทำลายด้วยเหตุนี้” เปสคอฟกล่าว “สำหรับส่วนที่เหลือ ยูเครนเป็นรัฐอิสระที่จะดำเนินชีวิตตามที่ต้องการ แต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของความเป็นกลาง”
เขากล่าวว่าข้อเรียกร้องทั้งหมดได้รับการกำหนดและส่งมอบในระหว่างการเจรจาสองรอบแรกระหว่างคณะผู้แทนรัสเซียและยูเครนซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
“เราหวังว่าทั้งหมดนี้จะเป็นไปด้วยดี และพวกเขาจะตอบสนองในทางที่เหมาะสม” เปสคอฟกล่าว
เปสคอฟระบุว่ารัสเซียถูกบังคับให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดเพื่อบังคับให้มีการปลดกำลังทหารยูเครน แทนที่จะทำเพียงการรับรู้ถึงความเป็นอิสระของภูมิภาคที่แยกตัวออกไป ทั้งนี้ เพื่อปกป้องประชากร 3 ล้านคนที่พูดภาษารัสเซียในสาธารณรัฐเหล่านี้ ซึ่งเขากล่าวว่ากำลังถูกกองทหารยูเครน 100,000 นายคุกคาม
“เราไม่สามารถทำได้แค่ยอมรับพวกเขาได้ แล้วเราจะทำอย่างไรกับทหารอีก 1 แสนนายที่อยู่ประชิดชายแดนของโดเนตสก์และลูฮันสก์ที่สามารถโจมตีเราเมื่อใดก็ได้ พวกเขาได้อาวุธที่สหรัฐฯ และอังกฤษให้มาตลอดเวลา” เขากล่าว
ในช่วงใกล้จะเกิดการรุกรานของรัสเซีย ยูเครนได้ปฏิเสธคำยืนยันของรัสเซียซ้ำๆ และหนักแน่นว่าไม่ได้กำลังจะโจมตีเพื่อยึดดินแดนที่ถูกครองโดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนกลับคืนมาโดยใช้กำลัง
เปสคอฟกล่าวว่าสถานการณ์ในยูเครนเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของรัสเซียมากกว่าที่เคยเป็นในปี 2014 ซึ่งครั้งนั้นรัสเซียได้รวบรวมทหาร 150,000 นายที่ชายแดนติดกับยูเครน ทำให้เกิดความกลัวว่ารัสเซียจะรุกราน แต่ได้จำกัดการกระทำของตนไว้เพียงการผนวกไครเมีย เขาบอกว่าตั้งแต่นั้นมา “สถานการณ์ก็เลวร้ายลงสำหรับเรา” โดยเขากล่าวถึงการส่งอาวุธให้กับยูเครนและเตรียมกำลังทหารสำหรับ NATO ซึ่งเริ่มขึ้นในปี 2014
เขายังกล่าวถึงประชากรกว่า 3 ล้านคนในภูมิภาคดอนบาสว่าเป็นปัจจัยตัดสิน “เราเข้าใจว่าพวกเขาจะถูกโจมตี” เปสคอฟระบุ และบอกว่ารัสเซียยังต้องดำเนินการเมื่อเผชิญกับภัยคุกคามที่ได้รับจาก NATO โดยชี้ว่าเหตุการณ์ที่ NATO จะติดตั้งมิสไซล์ในยูเครนจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต เช่นเดียวกับที่มีอยู่ในโปแลนด์และโรมาเนีย ซึ่งรัสเซีย “ไม่สามารถทนกับสิ่งนี้ได้อีกต่อไป”
ด้านการเจรจารอบใหม่ระหว่างผู้แทนจากรัสเซียและยูเครนที่มีขึ้นในวันนี้ (7 มีนาคม) ตามเวลาท้องถิ่น เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่ง มิคาอิโล โปโดลยัค ผู้เจรจาของฝ่ายยูเครน ทวีตข้อความระบุว่าการเจรจาจะมีขึ้นในเวลา 21.00 น. ตามเวลาประเทศไทย และสำนักข่าว TASS ของรัสเซียได้รายงานคำแถลงของสถานทูตรัสเซียในเบลารุสว่าการเจรจาเริ่มต้นแล้ว
ภาพ: MAXIM GUCHEK / BELTA / AFP (เป็นภาพตัวแทนของทั้งยูเครนและรัสเซียที่เริ่มการเจรจารอบสามแล้ว)
อ้างอิง: