วานนี้ (6 มีนาคม) สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) เผยผ่านทวิตเตอร์ว่าจำนวนผู้ที่หลบหนีการรุกรานยูเครนของรัสเซียมีมากกว่า 1.5 ล้านคน ใน 10 วัน ทำให้เป็นวิกฤตผู้ลี้ภัยที่เติบโตเร็วที่สุดของยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
“ผู้ลี้ภัยมากกว่า 1.5 ล้านคนจากยูเครนได้ข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านใน 10 วัน” ฟิลิปโป กรานเด ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติทวีต
THE STANDARD สำรวจข้อมูลบนเว็บไซต์ของ UNHCR ที่รวบรวมจำนวนผู้ลี้ภัยไปยังประเทศปลายทางแต่ละประเทศ พบว่าเว็บไซต์นี้เพิ่งมีการอัปเดตครั้งล่าสุดราว 20.30 น. วันนี้ (6 มีนาคม) ตามเวลาในประเทศไทย และจากการอัปเดตดังกล่าวพบว่าจำนวนผู้ลี้ภัยไปยังประเทศปลายทางส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลล่าสุด ณ เมื่อวานนี้ (5 มีนาคม) ยกเว้นรัสเซียและเบลารุส ที่เป็นข้อมูลล่าสุดถึงแค่วันที่ 3 และ 4 มีนาคม ตามลำดับเท่านั้น
ปรากฏว่ามีผู้ลี้ภัยเข้าไปยังโปแลนด์มากที่สุดที่ 885,303 คน ตามมาด้วยฮังการี ซึ่งมีผู้ลี้ภัยเข้าไปอยู่ที่ 169,053 คน และกลุ่มประเทศอื่นในยุโรปซึ่งไม่มีการจำแนกประเทศไว้ มีผู้ลี้ภัยเข้าไปอยู่ที่ 157,056 คน นอกจากนี้ยังมีการลี้ภัยไปยังสโลวาเกีย มอลโดวา และโรมาเนียด้วย
และแม้กระทั่งรัสเซียและเบลารุสเองก็ยังมีผู้ลี้ภัยจากยูเครนอพยพไปที่นั่น โดยจำนวนผู้ลี้ภัยไปรัสเซีย ณ วันที่ 3 มีนาคม อยู่ที่ 53,300 คน ส่วนเบลารุสมีผู้ลี้ภัย ณ วันที่ 4 มีนาคม ที่ 406 คน ทำให้เมื่อรวมแล้วในทุกประเทศปลายทางจะมีผู้ลี้ภัยแล้วกว่า 1,534,792 คน สอดคล้องกับที่ UNHCR ทวีตแจ้งไว้
UNHCR ยังมีคำอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับกรณีของมอลโดวาในฐานะประเทศปลายทางนั้น แท้จริงแล้วมีผู้อพยพจากยูเครนมาจนถึง 06.00 น. วันนี้อยู่ที่ 235,000 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวยูเครน 207,000 คน ทว่าในจำนวนชาวยูเครนนี้ก็มีผู้เดินทางจากมอลโดวาต่อไปยังโรมาเนียแล้วมากกว่า 123,000 คนเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีผู้ลี้ภัยจากแคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ไปยังรัสเซียในวันที่ 18-23 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นช่วงก่อนรัสเซียจะเริ่มบุกยูเครน และไม่ถูกรวมอยู่ในสถิติที่กล่าวไว้ก่อนหน้าอีก 96,000 คนด้วย
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ยังแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมที่ย่ำแย่ลง
“@WHO ยืนยันการโจมตีหลายครั้งต่อสถานดูแลสุขภาพใน #Ukraine ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย รายงานเพิ่มเติมกำลังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ” กีบรีเยซุสทวีต
“การโจมตีสถานพยาบาลหรือผู้ปฏิบัติงานละเมิดความเป็นกลางทางการแพทย์และเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ”
WHO ยังระบุในวันนี้ว่าได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังมอลโดวา โปแลนด์ และโรมาเนีย “เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือของสำนักงานในประเทศของตน ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมกับพันธมิตร และการสนับสนุนรัฐบาล (ยูเครน) สำหรับการรับมือด้านสุขภาพ” และระบุด้วยว่า ได้ระดมกำลังด้านโลจิสติกส์เพื่อตั้งศูนย์ปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้านอย่างโปแลนด์ ตลอดจนช่วยป้องกันเขตฉนวนบนบก “เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายเสบียงอย่างรวดเร็วไปยังประชากรที่ได้รับผลกระทบ”
โดยเสริมว่าการจัดส่งเสบียงสุขภาพชุดที่ 2 อยู่ระหว่างทางไปยังโปแลนด์ต่อจากการจัดส่งครั้งแรกในวันพฤหัสบดี ซึ่งในการจัดส่งครั้งแรกมีอุปกรณ์สำหรับการรักษาอาการบาดเจ็บและเวชภัณฑ์ฉุกเฉินรวมอยู่ด้วย
ก่อนหน้านี้ WHO ยังได้ประณามรายงานที่ได้รับการยืนยันจำนวนมากเกี่ยวกับการโจมตีสถานดูแลสุขภาพในยูเครนด้วย
เจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติกล่าวว่า พวกเขาคาดว่าคลื่นของผู้ลี้ภัยจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในขณะที่กองทัพรัสเซียยังคงเดินหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปยังเมืองหลวงของยูเครนอย่างกรุงเคียฟ
ภาพ: LOUISA GOULIAMAKI / AFP
อ้างอิง:
