วันนี้ (1 พฤษภาคม) ความเคลื่อนไหวสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยทางการสหรัฐอเมริกาและยูเครนเผยว่า แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ นำคณะผู้แทนของสภาคองเกรสเข้าพบประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนในกรุงเคียฟ เพื่อแสดงการสนับสนุนการต่อสู้ของยูเครนต่อรัสเซีย
“คณะผู้แทนของเราเดินทางไปยังเคียฟ เพื่อส่งข้อความที่ชัดเจนและก้องกังวานไปทั่วโลก: สหรัฐฯ ยืนหยัดอย่างมั่นคงกับยูเครน” เพโลซีระบุ โดยเธอเป็นเจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ระดับสูงสุดที่เยือนยูเครนนับตั้งแต่สงครามกับรัสเซียเริ่มต้นเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เธอยังประณามว่านี่คือ ‘การบุกรุกอย่างโหดร้าย’ ของวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย โดยก่อนหน้านี้เธอแสดงความหวังว่าแพ็กเกจความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ สู่ยูเครนมูลค่า 3.3 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ร้องขอจะผ่านการอนุมัติของรัฐสภาโดยเร็ว
ล่าสุดคณะผู้แทนรวมถึงเพโลซีได้เดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่อที่ประเทศโปแลนด์ซึ่งมีชายแดนติดกับยูเครนแล้ว โดยโปแลนด์เป็นประเทศที่รับผู้ลี้ภัยจากยูเครนมากที่สุดกว่า 3 ล้านคน
ส่วนสถานการณ์อื่นในยูเครน กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุวันนี้ว่าได้โจมตีสนามบินทหารใกล้กับเมืองโอเดสซา ทำลายรันเวย์และโรงเก็บเครื่องบินที่มีอาวุธและกระสุนที่ส่งไปยังยูเครนโดยสหรัฐฯ และประเทศในยุโรป ส่วนวานนี้ (30 เมษายน) ฝั่งยูเครนก็ระบุว่าขีปนาวุธของรัสเซียได้โจมตีรันเวย์ที่สร้างขึ้นใหม่ที่สนามบินหลักในเมืองโอเดสซา อย่างไรก็ตาม ยังไม่แน่ชัดว่าทั้งสองฝ่ายกล่าวถึงเหตุการณ์เดียวกันหรือไม่ และสำนักข่าว Reuters ระบุยังไม่สามารถตรวจสอบรายงานข่าวเหล่านี้ได้อย่างอิสระ
ด้านสำนักข่าว RIA ของรัสเซียกล่าววันนี้เช่นกัน โดยระบุว่ากระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวหากองกำลังของยูเครนว่าโจมตีโรงเรียน โรงเรียนอนุบาล และสุสานในหมู่บ้านคีซีลิฟกาและชิโรกา บัลกา ในแคว้นเคอร์ซอนที่ถูกยึดครองทางใต้ของยูเครน โดยระบุว่ามีพลเรือนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม Reuters รายงานว่ายังไม่มีท่าทีจากยูเครนตามมา และ Reuters ยังไม่สามารถตรวจสอบรายงานนี้ของสำนักข่าว RIA ได้อย่างอิสระ
ทั้งนี้ กองกำลังรัสเซียเข้ายึดเมืองเคอร์ซอน ซึ่งอยู่ห่างจากพื้นที่ไครเมียไปทางเหนือราว 100 กิโลเมตร (60 ไมล์) ในเดือนมีนาคม และตั้งแต่นั้นมาก็ได้ยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองมาริอูโปล เมืองท่ายุทธศาสตร์ทางตะวันออกของทะเลอาซอฟ
ส่วนฝั่งกองทัพยูเครนระบุวันนี้ว่า กองกำลังรัสเซียกำลังต่อสู้เพื่อบุกทะลุเขตการปกครองของเคอร์ซอน และเตรียมเส้นทางสำหรับการโจมตีเมืองมิโคลาอีฟและครีวิริก
ไปต่อกันที่เมืองมาริอูโปล ซึ่งรัสเซียประกาศชัยชนะไปเมื่อวันที่ 21 เมษายน แม้ว่าทหารและพลเรือนชาวยูเครนหลายร้อยคนเข้าหลบภัยในโรงงานเหล็กอาซอฟสตาลในเมืองแห่งนี้ที่ถูกทิ้งระเบิด เมื่อวานนี้มีความคืบหน้าในการอพยพพลเรือน โดย สวาโตสลาฟ ปาลามาร์ รองผู้บัญชาการกองพันอาซอฟในเมืองมาริอูโปล ระบุว่ามีพลเรือน 20 คนที่สามารถอพยพออกมาจากโรงงานได้ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ ผู้หญิง และเด็ก เขายังระบุว่ารัสเซียและยูเครนเคารพต่อการหยุดยิงในพื้นที่ และเขาหวังว่าพลเรือนที่อพยพออกมาได้จะถูกนำไปยังเมืองซาปอริซเซียทางตะวันตกเฉียงเหนือ ด้านกระทรวงกลาโหมของรัสเซียกล่าวในวันนี้ว่า มีพลเรือน 46 คนออกจากพื้นที่รอบโรงงานเหล็กในวันก่อนหน้า
และทางตะวันออกของประเทศ ที่รัสเซียกำลังใช้ความพยายามในการควบคุมภูมิภาคดอนบาสอย่างสมบูรณ์ และกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียให้การสนับสนุนได้ควบคุมบางส่วนของแคว้นลูฮันสก์และโดเนตสก์ก่อนสงครามจะเริ่มต้น เจ้าหน้าที่ทางการของยูเครนระบุว่ากองกำลังรัสเซียได้โจมตีด้วยขีปนาวุธทั่วภาคใต้และตะวันออกของยูเครนเมื่อวานนี้
ด้าน เซอร์ฮีย์ ไฮได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ เรียกร้องในโพสต์บนโซเชียลมีเดียในวันนี้ ขอให้ผู้คนอพยพในขณะที่ยังมีความเป็นไปได้ และเซเลนสกีระบุผ่านการแถลงด้วยวิดีโอเมื่อช่วงดึกวานนี้ว่ารัสเซียกำลัง “รวบรวมกำลังเพิ่มเติมสำหรับการโจมตีครั้งใหม่ต่อกองทัพของเราในทางตะวันออกของประเทศ” และ “พยายามเพิ่มแรงกดดันในดอนบาส”
ภาพ: Ukrainian Presidency/Handout/Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: